#สนทนาประสาจิตจักรวาล
พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหล าย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านท ั้งหลายว่า
การเป็นฆราวาสผู้ครองเรือน
ในบทบาทนักสู้เพื่อการรู้แจ ้งนั้น
หน้าที่หลักๆที่ต้องทำในชีว ิตประจำวัน
#เพื่อการปฏิบัติบำเพ็ญธรรม
ให้เกิดความก้าวหน้าจนกว่าจ ะหลุดพ้นได้
มีคำแนะนำให้ท่านดังต่อไปนี ้
1.ท่านต้องเรียนรู้ที่จะอยู ่ร่วมกันกับใครก็ได้
ไม่ว่าใครคนนั้นจะมีนิสัยใจ คออย่างไร
ท่านจะชอบหรือไม่ชอบนิสัยขอ งเขา
ท่านก็ต้องรักษาสัมพันธ์อัน ดีนั้นไว้เท่าชีวิต
จงอย่าตัดสัมพันธ์กันกับใคร ง่ายๆ
จงอย่าทำลายความสัมพันธ์อัน ดีกับใคร
หมายความว่า
ในการเป็นมนุษย์ของพวกท่านน ั้น
ความสัมพันธ์อันดีต่อกันนั้ นเป็นเรื่องใหญ่
จงอย่ายอมให้อารมณ์รู้สึกนึ กคิดต้องการ
รวมทั้งอุปนิสัยใจคอที่ต่าง กันของพวกท่าน
สบั้นความสัมพันธ์อันดีระหว ่างกัน
หากท่านทำสำเร็จ
ท่านจักได้ชื่อว่าเป็นผู้บร รลุธรรมข้อหนึ่ง
เพราะท่าน #หมุนธรรมจักร ได้แล้ว
2.ท่านต้องเลิกละการแสวงหาค วามสุข
อีกทั้งละเลิกการหนีทุกข์ทั ้งปวงให้สิ้น
เพราะการมุ่งแสวงสุขและการห นีทุกข์นั้น
ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรท่านจ ะมิอาจพบ
นอกจากอยู่อย่างสงบโดยไม่หน ีไม่หา
เพราะเหตุว่าทุกข์กับสุขมัน อยู่ที่ใจท่าน
มันมิได้อยู่ที่คนอื่น สิ่งอื่น ที่อื่นไงล่ะ
#ท่านจะไม่สามารถบรรลุธรรมส ูงสุดได้หรอก
#ถ้าท่านไม่เปล่งแสงธรรมออก มาจากข้างใน
พินิจดูดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์สิ
ความร้อน ความเย็น แสงสว่าง กับรังสี
ที่โดดเด่นเห็นสง่าก็เปล่งม าจากข้างใน
ดอกไม้น้อยใหญ่ซึ่งมีสีสันส ดใสสวยงาม
ล้วนต้องบานเบ่งเปล่งสีออกม าจากข้างใน
แล้วใยความสุขที่ในจิตใจท่า น
ยังต้องการ "นำเข้า" เอามาจากข้างนอก
ยังต้องให้สิ่งนอกคนนอกหยิบ ยื่นมาให้
รู้มั้ยว่า....มันอันตรายต่ อจิตใจท่านมาก
เพราะสิ่งที่รับเข้าสู่ใจโด ยมิได้คัดกรอง
ใช่ว่าจะถูกต้องตรงใจท่านไป เสียทั้งหมด
เขายื่นดีมาให้พอรับไว้ก็สุ ขใจโดยพลัน
เขายื่นร้ายมาให้พอรับไว้ก็ ทุกข์ใจทันที
มันเหมือนตัวท่านไม่มีอำนาจ ในตนเองเลย
แล้วท่านจะเป็น #สรรพสิ่งหนึ่ง ในจักรวาล
ที่ต้องมีพลังอำนาจในตนเองไ ด้อย่างไร
อีกทั้งท่านยังประพฤติผิดธร รมชาติอีกด้วย
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
เพียงแค่ท่านอยากจะมีความสุ ขก็ทุกข์แล้ว
เพียงแค่ท่านอยากจะหนีทุกข์ ก็สิ้นสุขแล้ว
ทางเลือกของท่านมีทางเดียวเ ท่านั้น
คือต้องอยู่กับทุกข์และสุขน ั้นให้ได้
โดยต้องไม่เกลียดกลัวความทุ กข์
ไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนอยู่กั บความทุกข์
ไม่ละโมบมักมากในความสุข
ไม่ยินดียินร้ายในสุขและทุก ข์
หากท่านทำสำเร็จ
ด้วยการไม่ติดสุขไม่ติดทุกข ์
ไม่จำต้องดิ้นรนที่จะหาหนทา งพ้นทุกข์
ท่านจักได้ชื่อว่าเป็นผู้บร รลุธรรมอีกข้อหนึ่ง
เพราะท่านเข้าถึง #การดับทุกข์ ได้แล้ว
3.ไม่ว่าชีวิตประจำวันของท่ าน
เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งใดเรื ่องใดก็ตาม
จงทำตนกลมกลืนไปกับมันให้ได ้
โดยไม่ขัดข้อง ไม่ขัดขืน ไม่ขัดขวาง
โดยไม่ต่อสู้ ไม่ตอบโต้ ไม่ต่อต้าน
จงฉลาดใช้ปัญญาหาทางออกจากป ัญหา
อย่างแยบยลและสง่างามเถิด
จงฉลาดใช้ความรักแทนการใช้อ ารมณ์ขยะ
เข้าจัดการกับคนที่ทำตนไม่น ่ารักต่อท่าน
โดยไม่มีการยกเว้นแม้เพียงห นึ่งคน
โดยไม่ต้องสนใจในรายละเอียด ว่าใครถูกผิด
เพราะเรื่องผิดถูกนั้นมันเป ็นแค่สิ่งสมมติ
แต่เรื่องความสัมพันธ์ต่อกั นนั้นเป็นเรื่องจริง
เพราะเหตุว่าทุกสรรพสิ่งในจ ักรวาล
ต่างล้วนรัดรึงดึงดูดซึ่งกั นและกันไว้
จึงอยู่ร่วมกันเป็นระบบเดีย วกันได้
ที่ท่านทั้งหลายเรียกว่า #เอกภพ นั่นแหละ
ถ้าท่านทำสำเร็จ
ท่านจักได้ชื่อว่าบรรลุธรรม อีกข้อหนึ่ง
เพราะท่านเข้าถึง #อำนาจในตนเอง ได้แล้ว
นั่นคือ "ความรัก" กับ "ความเฉลียวฉลาด"
เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าท่า นเป็นมนุษย์
4.ท่านจะต้องไม่ก้าวก่าย "หน้าที่" ของผู้อื่น
ท่านต้องไม่หยิบยื่นเงื่อนไ ขร้ายๆให้ใคร
ทั้งคำพูดจาและการแสดงออกทั ้งหลาย
จักต้องสงบ สำรวม และมีมหาสติไว้ตลอด
จะได้ไม่ทำตนเป็นเงื่อนไขร้ ายๆให้ใคร
ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั ้งใจ
ท่านจะได้ไม่ชักชวนใครให้ไป นรก
เพราะต้องอกตรมขมขื่นจากท่า นเป็นเหตุ
ถ้าท่านทำสำเร็จ
ท่านจักได้ชื่อว่าบรรลุธรรม อีกข้อหนึ่ง
เพราะท่านเข้าถึง #สันติสุข ได้แล้ว
5.ท่านจักต้องเรียนรู้ให้ได ้ว่า
จะหยิบปัญญามานิพพานบางสิ่ง
ที่เกิดขึ้นอยู่ภายในจิตใจท ่านได้อย่างไร
เป็นต้นว่า
1) ดับการเกิดดับของกิเลสตัณหา
2) ดับการเกิดดับของราคะจริต
3) ดับการเกิดดับของอารมณ์ขยะ
4) ดับการเกิดดับของทุกข์และสุ ข
5) ดับการเกิดดับของนิวรณ์
ท่านมีแนวคิดแนวทางดับอาการ ทั้ง 5 นี้
ที่มันคอยจะผุดโผล่ขึ้นมาใน จิตใจท่าน
ในช่วงเวลาระหว่างวันได้อย่ างไร
ที่มันจะค่อยๆเลือนลับดับหา ย
โดยมันทั้งห้าไม่โผล่ขึ้นมา อีกเลยชั่วชีวิต
ถ้าท่านทำสำเร็จ
ท่านจักได้ชื่อว่าบรรลุธรรม อีกข้อหนึ่ง
เมื่อท่านเข้าถึงซึ่ง #การพ้นทุกข์ ได้แล้ว
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านท ั้งหลายว่า
เพียงท่านปฏิบัติบำเพ็ญทั้ง 5 ข้อใหญ่
ที่เราสาธยายไว้ตั้งแต่ต้นน ี้
ให้เรียบร้อยสมบูรณ์พูนผลใน ระหว่างวัน
โดยไม่ต้องหนีทุกข์ไปเข้าป่ า
โดยไม่ต้องหนีปัญหาไปเข้าดง พงไพร
โดยมิต้องนั่งหลับตาภาวนาใด ๆ
คงใช้ชีวิตไปตามปกติอยู่กับ คนรอบข้าง
แสงสว่างก็จะบังเกิดขึ้นในจ ิตตปัญญา
ท่านก็สะกดคำว่า #นิพพาน เป็นแล้วล่ะ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29-09-2017
พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหล
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านท
การเป็นฆราวาสผู้ครองเรือน
ในบทบาทนักสู้เพื่อการรู้แจ
หน้าที่หลักๆที่ต้องทำในชีว
#เพื่อการปฏิบัติบำเพ็ญธรรม
ให้เกิดความก้าวหน้าจนกว่าจ
มีคำแนะนำให้ท่านดังต่อไปนี
1.ท่านต้องเรียนรู้ที่จะอยู
ไม่ว่าใครคนนั้นจะมีนิสัยใจ
ท่านจะชอบหรือไม่ชอบนิสัยขอ
ท่านก็ต้องรักษาสัมพันธ์อัน
จงอย่าตัดสัมพันธ์กันกับใคร
จงอย่าทำลายความสัมพันธ์อัน
หมายความว่า
ในการเป็นมนุษย์ของพวกท่านน
ความสัมพันธ์อันดีต่อกันนั้
จงอย่ายอมให้อารมณ์รู้สึกนึ
รวมทั้งอุปนิสัยใจคอที่ต่าง
สบั้นความสัมพันธ์อันดีระหว
หากท่านทำสำเร็จ
ท่านจักได้ชื่อว่าเป็นผู้บร
เพราะท่าน #หมุนธรรมจักร ได้แล้ว
2.ท่านต้องเลิกละการแสวงหาค
อีกทั้งละเลิกการหนีทุกข์ทั
เพราะการมุ่งแสวงสุขและการห
ไม่ว่าจะดิ้นรนอย่างไรท่านจ
นอกจากอยู่อย่างสงบโดยไม่หน
เพราะเหตุว่าทุกข์กับสุขมัน
มันมิได้อยู่ที่คนอื่น สิ่งอื่น ที่อื่นไงล่ะ
#ท่านจะไม่สามารถบรรลุธรรมส
#ถ้าท่านไม่เปล่งแสงธรรมออก
พินิจดูดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์สิ
ความร้อน ความเย็น แสงสว่าง กับรังสี
ที่โดดเด่นเห็นสง่าก็เปล่งม
ดอกไม้น้อยใหญ่ซึ่งมีสีสันส
ล้วนต้องบานเบ่งเปล่งสีออกม
แล้วใยความสุขที่ในจิตใจท่า
ยังต้องการ "นำเข้า" เอามาจากข้างนอก
ยังต้องให้สิ่งนอกคนนอกหยิบ
รู้มั้ยว่า....มันอันตรายต่
เพราะสิ่งที่รับเข้าสู่ใจโด
ใช่ว่าจะถูกต้องตรงใจท่านไป
เขายื่นดีมาให้พอรับไว้ก็สุ
เขายื่นร้ายมาให้พอรับไว้ก็
มันเหมือนตัวท่านไม่มีอำนาจ
แล้วท่านจะเป็น #สรรพสิ่งหนึ่ง ในจักรวาล
ที่ต้องมีพลังอำนาจในตนเองไ
อีกทั้งท่านยังประพฤติผิดธร
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
เพียงแค่ท่านอยากจะมีความสุ
เพียงแค่ท่านอยากจะหนีทุกข์
ทางเลือกของท่านมีทางเดียวเ
คือต้องอยู่กับทุกข์และสุขน
โดยต้องไม่เกลียดกลัวความทุ
ไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทนอยู่กั
ไม่ละโมบมักมากในความสุข
ไม่ยินดียินร้ายในสุขและทุก
หากท่านทำสำเร็จ
ด้วยการไม่ติดสุขไม่ติดทุกข
ไม่จำต้องดิ้นรนที่จะหาหนทา
ท่านจักได้ชื่อว่าเป็นผู้บร
เพราะท่านเข้าถึง #การดับทุกข์ ได้แล้ว
3.ไม่ว่าชีวิตประจำวันของท่
เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งใดเรื
จงทำตนกลมกลืนไปกับมันให้ได
โดยไม่ขัดข้อง ไม่ขัดขืน ไม่ขัดขวาง
โดยไม่ต่อสู้ ไม่ตอบโต้ ไม่ต่อต้าน
จงฉลาดใช้ปัญญาหาทางออกจากป
อย่างแยบยลและสง่างามเถิด
จงฉลาดใช้ความรักแทนการใช้อ
เข้าจัดการกับคนที่ทำตนไม่น
โดยไม่มีการยกเว้นแม้เพียงห
โดยไม่ต้องสนใจในรายละเอียด
เพราะเรื่องผิดถูกนั้นมันเป
แต่เรื่องความสัมพันธ์ต่อกั
เพราะเหตุว่าทุกสรรพสิ่งในจ
ต่างล้วนรัดรึงดึงดูดซึ่งกั
จึงอยู่ร่วมกันเป็นระบบเดีย
ที่ท่านทั้งหลายเรียกว่า #เอกภพ นั่นแหละ
ถ้าท่านทำสำเร็จ
ท่านจักได้ชื่อว่าบรรลุธรรม
เพราะท่านเข้าถึง #อำนาจในตนเอง ได้แล้ว
นั่นคือ "ความรัก" กับ "ความเฉลียวฉลาด"
เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่าท่า
4.ท่านจะต้องไม่ก้าวก่าย "หน้าที่" ของผู้อื่น
ท่านต้องไม่หยิบยื่นเงื่อนไ
ทั้งคำพูดจาและการแสดงออกทั
จักต้องสงบ สำรวม และมีมหาสติไว้ตลอด
จะได้ไม่ทำตนเป็นเงื่อนไขร้
ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั
ท่านจะได้ไม่ชักชวนใครให้ไป
เพราะต้องอกตรมขมขื่นจากท่า
ถ้าท่านทำสำเร็จ
ท่านจักได้ชื่อว่าบรรลุธรรม
เพราะท่านเข้าถึง #สันติสุข ได้แล้ว
5.ท่านจักต้องเรียนรู้ให้ได
จะหยิบปัญญามานิพพานบางสิ่ง
ที่เกิดขึ้นอยู่ภายในจิตใจท
เป็นต้นว่า
1) ดับการเกิดดับของกิเลสตัณหา
2) ดับการเกิดดับของราคะจริต
3) ดับการเกิดดับของอารมณ์ขยะ
4) ดับการเกิดดับของทุกข์และสุ
5) ดับการเกิดดับของนิวรณ์
ท่านมีแนวคิดแนวทางดับอาการ
ที่มันคอยจะผุดโผล่ขึ้นมาใน
ในช่วงเวลาระหว่างวันได้อย่
ที่มันจะค่อยๆเลือนลับดับหา
โดยมันทั้งห้าไม่โผล่ขึ้นมา
ถ้าท่านทำสำเร็จ
ท่านจักได้ชื่อว่าบรรลุธรรม
เมื่อท่านเข้าถึงซึ่ง #การพ้นทุกข์ ได้แล้ว
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านท
เพียงท่านปฏิบัติบำเพ็ญทั้ง
ที่เราสาธยายไว้ตั้งแต่ต้นน
ให้เรียบร้อยสมบูรณ์พูนผลใน
โดยไม่ต้องหนีทุกข์ไปเข้าป่
โดยไม่ต้องหนีปัญหาไปเข้าดง
โดยมิต้องนั่งหลับตาภาวนาใด
คงใช้ชีวิตไปตามปกติอยู่กับ
แสงสว่างก็จะบังเกิดขึ้นในจ
ท่านก็สะกดคำว่า #นิพพาน เป็นแล้วล่ะ






เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29-09-2017
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"
จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น