(1): มนุษย์ คือ คนสองมิติ
**************************
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านท
มนุษย์โลกเสรีทุกคนล้วนเป็น
"คนสองมิติ" หมายถึง
ผู้ที่สามารถแสดงออกหรือกระ
ให้เกิดผลลัพธ์ของการกระทำข
ทั้งในมิติแห่งตัวตนในทางกา
ที่ใครๆสามารถสัมผัสรู้ดูเห
ด้วยกลไกอายตนะภายนอกทั้งห้
กับผลลัพธ์ของการกระทำที่จะ
ในมิติแห่งจิตใจในทางพลังงา
ซึ่งอายตนะภายนอกทั้งห้าของ
มิอาจสัมผัสรู้ดูเห็นได้
เพราะพวกท่านถูกปิดมิติไว้
นี่จึงหมายความว่า
ขณะที่ท่านกำลังแสดงออกหรือ
พฤติกรรมใดๆกับใครคนใดคนหนึ
นั่นเท่ากับว่าในขณะนั้น
ท่านก็กำลังแสดงพฤติกรรมทาง
กับคนผู้นั้นควบคู่กันไปด้ว
แม้ว่าสองตาเปล่าของท่าน
จะมองไม่เห็นพฤติกรรมทางจิต
ที่ท่านกระทำต่อเขาคนนั้นอย
เพราะมนุษย์ถือคติสิบปากว่า
สิบตาเห็นไม่เท่าเอามือคลำด
เพราะมนุษย์ไม่รู้ไม่เห็นพฤ
มนุษย์ส่วนใหญ่จึงประมาทและ
ในพฤติกรรมทางจิตของตนเองที
การกระทำผิดบาปจากการก้าวล่
ในมิติของแก่นแท้ต่อกันและก
จึงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในย
ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว
พฤติกรรมทางจิตที่มนุษย์กระ
พระศาสดาทรงเรียกว่า "มโนกรรม"
แต่องค์จิตจักรวาลทรงใช้คำเ
"การสั่นสะเทือนทางจิตสามนึ
โดย "จิต 3 นึก" หมายถึง
การสั่นสะเทือนของจิต 3 ประการ คือ
การนึกได้ว่า การนึกเอาว่า และการนึกเองว่า
ซึ่งการนึกทั้งสามรูปแบบที่
มันจะสั่นสะเทือนไปตามอารมณ
ถ้ากำลังรู้สึกทางด้านบวกต่
จิตสามนึกก็จะสั่นสะเทือนไป
ต่อคนนั้นสิ่งนั้นเสมอ
ถ้ากำลังรู้สึกทางด้านลบต่อ
จิตสามนึกก็จะสั่นสะเทือนไป
ต่อคนนั้นสิ่งนั้นเสมอเช่นก
เมื่อมนุษย์สั่นสะเทือนเป็น
ทั้งบวกหรือลบต่อผู้หนึ่งผู
การก่อกรรมให้เกิด "ผลกรรม" ในกรณีนั้นๆ
มันก็ได้บังเกิดขึ้นมาแล้วใ
ก่อนที่มันจะนำไปสู่การคิดบ
แล้วแสดงออกมาเป็นกายกรรมหร
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
เวรกรรมทั้งหลายนั้นล้วนเกิ
ซึ่งสั่นสะเทือนเป็นอารมณ์ร
ที่มีต่อผู้อื่นที่เกิดขึ้น
ดังนั้น
ไม่ว่าท่านจะแสดงมันออกมาทา
หรือจะแสดงออกมาทางการกระทำ
กรรมที่ท่านกระทำด้วยจิตนั้
จะถือว่าได้กระทำ "สำเร็จ" ไปแล้ว
ซึ่งมันเป็นการก่อกรรมให้เก
ท่านจะต้องรับผิดชอบมันสถาน
แต่ถ้าท่านสั่นสะเทือนจิตใจ
จนเกิดเป็นอารมณ์รู้สึกนึกค
ไม่ว่าด้านลบหรือด้านบวกก็ต
แล้วท่านขับเคลื่อนมันออกมา
เป็นท่าทางหรือคำพูดที่ไม่เ
จนผู้อื่นหยิบนำไปใช้เป็นเง
สั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึก
เพื่อตอบโต้ ต่อต้านกลับมาบ้าง
มันก็จะยังผลให้ท่านกับผู้อ
มีการ "เกี่ยวกรรมกัน" เกิดขึ้นทันที
วันๆหนึ่งหากท่านเผลอสติหรื
การก่อกรรมกับการเกี่ยวกรรม
มันก็จะเกิดขึ้นใหม่อย่างมา
จนบั้นปลายชีวิตท่านก็จะยัง
ออกไปจากเอกภพหรือ "จักรวาลสากล" นี้ได้
เนื่องจากยังมีการเอี่ยวเกี
ในอันที่จะต้องเร่งแก้ไขร่ว
การมีสังสารวัฏหรือการเวียน
ก็จะยังคงมีอยู่ต่อไป
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5-05-2016