#สนทนาประสาจิตจักรวาล
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านท ั้งหลาย
ซ้ำเดิมกับครั้งที่แล้วอีกว ่า
ธรรมะที่ท่านต่างศึกษาเรียน รู้กันมานั้น
ล้วนเป็น "ความจริง" ที่เรียกว่าสัจธรรมทั้งสิ้น
สัจธรรม มีอยู่ 3 ระดับ คือ
1.โลกียธรรม
2.โลกุตรธรรม
3.อนุตรธรรม
ในบทนี้....
เราจะกล่าวถึง "โลกุตรธรรม"
อันเป็นสัจธรรมในมิติที่สูง กว่า "โลกียธรรม"
ตามที่ท่านร้องขอกันมาว่าปร ารถนาจะรู้ต่อ
#โลกุตรธรรม
เป็นสัจธรรมความจริงที่จริง แท้
ที่จะไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ ยนแปลงผันแปร
หรือบิดเบือนให้เบี่ยงเบนไป จากความจริงได้
ดังนั้น
ถ้าใครเข้าถึงสัจธรรมความจร ิงในระดับนี้ได้
ในเรื่องเดียวกัน สิ่งเดียวกัน หรือกรณีเดียวกัน
คนผู้นั้นย่อมรู้เห็นเหมือน กันกับคนอื่นๆ
คนผู้นั้นย่อมกล่าวสอดคล้อง ตรงกันกับคนอื่น
นี่จึงเป็นลักษณะพิเศษของ "โลกุตรธรรม"
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้ง หลาย
ถ้าท่านจะเข้าถึงความรู้ระด ับโลกุตรธรรมได้
ท่านต้องอาศัยปัจจัยหลักอยู ่ 3 อย่าง
#ที่มันจะต้องมีพลังอำนาจสู งพอตัว
#ตัวท่านก็ต้องมีความสามารถ สูงพอที่จะใช้มัน
ปัจจัยสำคัญ 4 ประการ
ที่จะช่วยท่านให้เข้าถึงโลก ุตรธรรมได้
หากต้องการ มีดังต่อไปนี้ คือ
1.#ความรู้ที่เป็นความจริงจาก สิ่งรอบตัว
ซึ่งได้จากการรับรู้ด้วยกลไ กอายตนะทั้งหก
แล้วนำมาทำการวิเคราะห์แยกแ ยะ
ด้วยจิตตปัญญาของสมองซีกซ้า ย
ตาม #ChickModel by Parinya
จนได้ความจริงว่า "อะไรเป็นอะไร"
2.#สภาวะจิตที่ว่างไปจากขยะ
หมายถึงจิตที่ว่างจาก กิเลส ตัณหา ราคะ
และอุปาทานอย่างสิ้นเชื้อ
จนจิตมีที่ว่างพอให้กับ #ความรักเพื่อให้
ซึ่งพระพุทธองค์ทรงเรียกว่า "ความเมตตา"
3.#ดวงตาที่สาม
คือ ดวงตาแห่งปัญญา
ซึ่งหลายท่านเรียกว่า #ตาใน มิใช่ #ตาเนื้อ
โดยดวงตาแห่งปัญญานี้
จักต้องได้จากการสั่นสะเทือ นของจิต
ที่เข้าถึงคุณสมบัติตามข้อ 2 สำเร็จแล้ว
ไปกระตุ้นให้เกิดกระบวนการค ิดของสมอง
ซึ่งเป็นสมองอีกซีกหนึ่งของ ท่านที่มีอยู่
นั่นคือ สมองซีกขวา นั่นเอง
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
จิตที่สั่นสะเทือนตามคุณสมบ ัติในข้อ 2 ได้
จะเป็นจิตที่สั่นสะเทือนสูง สุดทางด้านบวก
หากท่านสามารถสั่นสะเทือน
อย่างต่อเนื่องติดต่อกันได้
โดยไม่สะดุดหยุดลงเสียกลางค ัน
หรือไม่นำเอาเรื่องอื่นอารม ณ์อื่น
เข้ามาแทรกแซงคลื่นจิต
ที่กำลังสั่นสะเทือนสูงสุดด ้านบวกอยู่
จิตที่สั่นสะเทือนด้านบวกสู งสุด
ได้อย่างต่อเนื่องนี่แหละ
พระบิดาทรงเรียกว่า "#จิตเป็นสมาธิ"
เมื่อจิตดิ่งเข้าสู่สภาวะสม าธิ
จิตก็จะทำการเปิดมิติเคลื่อ นสู่จิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ที่เร้ นอยู่ข้างใน
ให้ตื่นตัวขึ้นมาสั่นสะเทือ นตามไปด้วยกัน
เพื่อให้ท่านพร้อมต่อการใช้ ปัญญาญาณ
ซึ่งเป็นสติปัญญาของวิญญาณ ณ บัดนั้น
นี่...เป็นความลับซับซ้อนที ่ท่านต้องรู้!
ไม่รู้ ไม่ผ่าน....ไม่ผ่าน นิพพานไม่ได้!
4.#วิธีกดปุ่มความคิด
ปัจจัยที่สี่นี้เป็นขั้นตอน สุดท้าย
ที่จะช่วยให้ท่านเข้าถึงควา มจริงที่จริงแท้
ในระดับที่เรียกว่า "โลกุตรธรรม" ได้ในที่สุด
เมื่อข้อมูลในข้อ 1 พร้อมที่จะใช้
เมื่อสภาวะจิตตามข้อ 2 พร้อมที่จะใช้
เมื่อปัญญาญาณจากสมองซีกขวา
ตามข้อ 3 พร้อมที่จะใช้เรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนต่อไปนี้หน้าที่ของท ่านก็คือ
ต้องทำการ #สังเคราะห์องค์ความรู้
จากข้อมูลที่เป็นโลกียธรรมใ นข้อ 1 ให้ได้
ซึ่งความสำเร็จในการสังเครา ะห์ความรู้นี้
อยู่ที่ "วิธีการคิด" ของท่านนั่นเอง
ท่านทั้งหลายต้องรู้ว่า
การคิดด้วยสมองซีกซ้ายเพื่อ เข้าถึง
ความจริงในระดับโลกียธรรมนั ้น
สามารถคิดไปตามที่สัมผัสรู้ ดูเห็นได้
ด้วยการมองโลกไปตามความจริง
เรียนรู้ทุกสิ่งไปตามที่เห็ น
โดยยึดหลักการและเหตุผลเป็น สำคัญ
แต่สำหรับการเข้าถึง "โลกุตรธรรม" นั้น
กระบวนการเรียนรู้เพื่อคิดร ู้
ให้เข้าถึงความจริงระดับสูง นี้ได้
ท่านจะต้องเป็นผู้ "กดปุ่ม" สร้างความพร้อม
ที่จะคิดสังเคราะห์สัจธรรมอ อกมา
จากโลกียธรรมนั้นๆด้วย "วิธีคิด" พิเศษ
ที่เรียกว่า "การคิดสร้างสรรค์"
การคิดสร้างสรรค์
ที่จะสามารถสังเคราะห์สัจธร รมออกมา
จากโลกียธรรมนั้นๆได้
จะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปน ี้ คือ
1.มีความสามารถในการมองต่าง มุม
2.มีความสามารถในการคิดแบบผ สมผสาน
3.มีความสามารถในการคิดเชื่ อมโยง
4.มีความสามารถในการใช้จินต นาการ
ด้วยการคิดให้เป็นภาพจริง
5.มีความสามารถด้านการคิดรว บยอด
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการสัง เคราะห์
เอาโลกุตรธรรมออกมาจากโลกีย ธรรม
เช่น ถ้าท่านเรียนรู้แล้วว่า
1.ปูมี 8 ขา มีสองก้ามโตๆ
2.ปูไม่มีหัว มีตาอยู่ข้างตัว
3.ปูเดินไม่ตรงทาง เวลาเดินเอาข้างไป
4.ปูเคลื่อนที่ได้เร็วมาก
ทั้งหมดนี้ คือ ความจริงที่เป็นโลกียธรรม
เมื่อใช้ความสามารถ 5 ประการ
ในการมองเห็นความจริงด้วยจิ ตตปัญญา
จากความจริงของ "ปู" ทั้ง 4 แล้ว
สัจธรรมที่สังเคราะห์ออกมาไ ด้
เป็นความคิดรวบยอดในระดับโล กุตรธรรม
มีดังต่อไปนี้
1.ได้ความรู้ว่าถ้าเป็นมนุษ ย์แล้วไม่ใช้สมอง
ก็ไม่ต่างจากปูที่ไม่มีหัวก ็เหมือนไม่มีสมอง
2.เพราะปูไม่มีสมองจึงเดินเ อาข้างไป
ปูจึงมีพฤติกรรมการเดินที่แ ปลกจากสัตว์อื่น
มนุษย์ที่ทำอะไรโดยไม่ใช้สม องก็เช่นกัน
จะสามารถทำผิดบาปแบบไม่รู้ต ัวได้ง่ายมาก
3.เมื่อทำผิดบาปได้ง่ายเพรา ะไม่ใช้สมอง
จึงสร้างความเสียหายกลายเป็ นคนชั่วทันที
ซึ่งมันจะชั่วเร็วกว่าการทำ ความดีงามเสียอีก
เพราะกว่าจะทำดีแล้วได้ดีนั ้นต้องรอนานกว่า
ตัวอย่างความรู้ในสามประการ นี่แหละ
เป็นความจริงในระดับโลกุตรธ รรม
ที่ท่านมองด้วยตาเปล่าไม่เห ็นหรอก
ต้องมองด้วยจิตตปัญญาญาณ
หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า "ญาณหยั่งรู้"
โดยใช้สมองเป็นห้องแล็ปปฏิบ ัติการ
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
โลกุตรธรรมที่ท่านจะเข้าถึง ได้นั้น
ท่านต้องพึ่งตนเองล้วนๆ
ท่านจึงต้องฝึกฝนตนเองให้มี ทักษะ
ด้านการใช้จิตและปัญญาของสม องสองซีก
ต้องเรียนรู้มุมมองและวิธีค ิดที่ถูกต้อง
ต้องมีความสามารถในการคิดรว บยอด
ถ้าท่านสอนตนเองไม่เป็น
พัฒนาตนเองด้านเหล่านี้ไม่ไ ด้ง่ายๆ
เชิญเข้าร่วมค่ายปฏิบัติธรร มลีลาใหม่
ด้วยกระบวนการ "ไซโคโชว์"
ที่จิตจักรวาลสถานธรรม ณ ภูกระต่าย
จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งจัดเป็นประจำทุกๆเดือนส ิ
เรายินดีจะช่วยเหลือท่านนอก เวลาให้เอง
(มีค่าใช้จ่าย)
ถ้าท่านยังเข้าถึงความฉลาด
ของสมองทั้งสองซีก คือซ้ายและขวายังไม่ได้
เส้นทางแห่งการรู้แจ้งของท่ านก็จะไม่สว่าง
เมื่อบนเส้นทางเดินยังขาดแส งสว่าง
ท่านคงจะก้าวย่างไปให้ไกลจน สุดทาง
คือหลุดพ้นก็คงยังจะไม่ได้เ ช่นกัน
เพราะท่านยังหยิบปัญญาที่มี อยู่ในตน
มานิพพานทุกสิ่งไม่ได้นั่นเ อง
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5-10-2017
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านท
ซ้ำเดิมกับครั้งที่แล้วอีกว
ธรรมะที่ท่านต่างศึกษาเรียน
ล้วนเป็น "ความจริง" ที่เรียกว่าสัจธรรมทั้งสิ้น
สัจธรรม มีอยู่ 3 ระดับ คือ
1.โลกียธรรม
2.โลกุตรธรรม
3.อนุตรธรรม
ในบทนี้....
เราจะกล่าวถึง "โลกุตรธรรม"
อันเป็นสัจธรรมในมิติที่สูง
ตามที่ท่านร้องขอกันมาว่าปร
#โลกุตรธรรม
เป็นสัจธรรมความจริงที่จริง
ที่จะไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่
หรือบิดเบือนให้เบี่ยงเบนไป
ดังนั้น
ถ้าใครเข้าถึงสัจธรรมความจร
ในเรื่องเดียวกัน สิ่งเดียวกัน หรือกรณีเดียวกัน
คนผู้นั้นย่อมรู้เห็นเหมือน
คนผู้นั้นย่อมกล่าวสอดคล้อง
นี่จึงเป็นลักษณะพิเศษของ "โลกุตรธรรม"
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้ง
ถ้าท่านจะเข้าถึงความรู้ระด
ท่านต้องอาศัยปัจจัยหลักอยู
#ที่มันจะต้องมีพลังอำนาจสู
#ตัวท่านก็ต้องมีความสามารถ
ปัจจัยสำคัญ 4 ประการ
ที่จะช่วยท่านให้เข้าถึงโลก
หากต้องการ มีดังต่อไปนี้ คือ
1.#ความรู้ที่เป็นความจริงจาก
ซึ่งได้จากการรับรู้ด้วยกลไ
แล้วนำมาทำการวิเคราะห์แยกแ
ด้วยจิตตปัญญาของสมองซีกซ้า
ตาม #ChickModel by Parinya
จนได้ความจริงว่า "อะไรเป็นอะไร"
2.#สภาวะจิตที่ว่างไปจากขยะ
หมายถึงจิตที่ว่างจาก กิเลส ตัณหา ราคะ
และอุปาทานอย่างสิ้นเชื้อ
จนจิตมีที่ว่างพอให้กับ #ความรักเพื่อให้
ซึ่งพระพุทธองค์ทรงเรียกว่า
3.#ดวงตาที่สาม
คือ ดวงตาแห่งปัญญา
ซึ่งหลายท่านเรียกว่า #ตาใน มิใช่ #ตาเนื้อ
โดยดวงตาแห่งปัญญานี้
จักต้องได้จากการสั่นสะเทือ
ที่เข้าถึงคุณสมบัติตามข้อ 2 สำเร็จแล้ว
ไปกระตุ้นให้เกิดกระบวนการค
ซึ่งเป็นสมองอีกซีกหนึ่งของ
นั่นคือ สมองซีกขวา นั่นเอง
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
จิตที่สั่นสะเทือนตามคุณสมบ
จะเป็นจิตที่สั่นสะเทือนสูง
หากท่านสามารถสั่นสะเทือน
อย่างต่อเนื่องติดต่อกันได้
โดยไม่สะดุดหยุดลงเสียกลางค
หรือไม่นำเอาเรื่องอื่นอารม
เข้ามาแทรกแซงคลื่นจิต
ที่กำลังสั่นสะเทือนสูงสุดด
จิตที่สั่นสะเทือนด้านบวกสู
ได้อย่างต่อเนื่องนี่แหละ
พระบิดาทรงเรียกว่า "#จิตเป็นสมาธิ"
เมื่อจิตดิ่งเข้าสู่สภาวะสม
จิตก็จะทำการเปิดมิติเคลื่อ
ซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ที่เร้
ให้ตื่นตัวขึ้นมาสั่นสะเทือ
เพื่อให้ท่านพร้อมต่อการใช้
ซึ่งเป็นสติปัญญาของวิญญาณ ณ บัดนั้น
นี่...เป็นความลับซับซ้อนที
ไม่รู้ ไม่ผ่าน....ไม่ผ่าน นิพพานไม่ได้!
4.#วิธีกดปุ่มความคิด
ปัจจัยที่สี่นี้เป็นขั้นตอน
ที่จะช่วยให้ท่านเข้าถึงควา
ในระดับที่เรียกว่า "โลกุตรธรรม" ได้ในที่สุด
เมื่อข้อมูลในข้อ 1 พร้อมที่จะใช้
เมื่อสภาวะจิตตามข้อ 2 พร้อมที่จะใช้
เมื่อปัญญาญาณจากสมองซีกขวา
ตามข้อ 3 พร้อมที่จะใช้เรียบร้อยแล้ว
ขั้นตอนต่อไปนี้หน้าที่ของท
ต้องทำการ #สังเคราะห์องค์ความรู้
จากข้อมูลที่เป็นโลกียธรรมใ
ซึ่งความสำเร็จในการสังเครา
อยู่ที่ "วิธีการคิด" ของท่านนั่นเอง
ท่านทั้งหลายต้องรู้ว่า
การคิดด้วยสมองซีกซ้ายเพื่อ
ความจริงในระดับโลกียธรรมนั
สามารถคิดไปตามที่สัมผัสรู้
ด้วยการมองโลกไปตามความจริง
เรียนรู้ทุกสิ่งไปตามที่เห็
โดยยึดหลักการและเหตุผลเป็น
แต่สำหรับการเข้าถึง "โลกุตรธรรม" นั้น
กระบวนการเรียนรู้เพื่อคิดร
ให้เข้าถึงความจริงระดับสูง
ท่านจะต้องเป็นผู้ "กดปุ่ม" สร้างความพร้อม
ที่จะคิดสังเคราะห์สัจธรรมอ
จากโลกียธรรมนั้นๆด้วย "วิธีคิด" พิเศษ
ที่เรียกว่า "การคิดสร้างสรรค์"
การคิดสร้างสรรค์
ที่จะสามารถสังเคราะห์สัจธร
จากโลกียธรรมนั้นๆได้
จะต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปน
1.มีความสามารถในการมองต่าง
2.มีความสามารถในการคิดแบบผ
3.มีความสามารถในการคิดเชื่
4.มีความสามารถในการใช้จินต
ด้วยการคิดให้เป็นภาพจริง
5.มีความสามารถด้านการคิดรว
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างการสัง
เอาโลกุตรธรรมออกมาจากโลกีย
เช่น ถ้าท่านเรียนรู้แล้วว่า
1.ปูมี 8 ขา มีสองก้ามโตๆ
2.ปูไม่มีหัว มีตาอยู่ข้างตัว
3.ปูเดินไม่ตรงทาง เวลาเดินเอาข้างไป
4.ปูเคลื่อนที่ได้เร็วมาก
ทั้งหมดนี้ คือ ความจริงที่เป็นโลกียธรรม
เมื่อใช้ความสามารถ 5 ประการ
ในการมองเห็นความจริงด้วยจิ
จากความจริงของ "ปู" ทั้ง 4 แล้ว
สัจธรรมที่สังเคราะห์ออกมาไ
เป็นความคิดรวบยอดในระดับโล
มีดังต่อไปนี้
1.ได้ความรู้ว่าถ้าเป็นมนุษ
ก็ไม่ต่างจากปูที่ไม่มีหัวก
2.เพราะปูไม่มีสมองจึงเดินเ
ปูจึงมีพฤติกรรมการเดินที่แ
มนุษย์ที่ทำอะไรโดยไม่ใช้สม
จะสามารถทำผิดบาปแบบไม่รู้ต
3.เมื่อทำผิดบาปได้ง่ายเพรา
จึงสร้างความเสียหายกลายเป็
ซึ่งมันจะชั่วเร็วกว่าการทำ
เพราะกว่าจะทำดีแล้วได้ดีนั
ตัวอย่างความรู้ในสามประการ
เป็นความจริงในระดับโลกุตรธ
ที่ท่านมองด้วยตาเปล่าไม่เห
ต้องมองด้วยจิตตปัญญาญาณ
หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า "ญาณหยั่งรู้"
โดยใช้สมองเป็นห้องแล็ปปฏิบ
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
โลกุตรธรรมที่ท่านจะเข้าถึง
ท่านต้องพึ่งตนเองล้วนๆ
ท่านจึงต้องฝึกฝนตนเองให้มี
ด้านการใช้จิตและปัญญาของสม
ต้องเรียนรู้มุมมองและวิธีค
ต้องมีความสามารถในการคิดรว
ถ้าท่านสอนตนเองไม่เป็น
พัฒนาตนเองด้านเหล่านี้ไม่ไ
เชิญเข้าร่วมค่ายปฏิบัติธรร
ด้วยกระบวนการ "ไซโคโชว์"
ที่จิตจักรวาลสถานธรรม ณ ภูกระต่าย
จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งจัดเป็นประจำทุกๆเดือนส
เรายินดีจะช่วยเหลือท่านนอก
(มีค่าใช้จ่าย)
ถ้าท่านยังเข้าถึงความฉลาด
ของสมองทั้งสองซีก คือซ้ายและขวายังไม่ได้
เส้นทางแห่งการรู้แจ้งของท่
เมื่อบนเส้นทางเดินยังขาดแส
ท่านคงจะก้าวย่างไปให้ไกลจน
คือหลุดพ้นก็คงยังจะไม่ได้เ
เพราะท่านยังหยิบปัญญาที่มี
มานิพพานทุกสิ่งไม่ได้นั่นเ
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5-10-2017