บุตรรักแห่งบิดาทั้งหลาย
เราคือองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ผู้เป็นศูนย์กลางของมหาจักรวาล
เราเป็นทั้งผู้เริ่มต้นหรือผู้สร้าง
และเราเป็นทั้งผู้สิ้นสุดในทุกสรรพสิ่ง
เรากำลังกล่าวโอวาทต่อบุตรทั้งหลาย
บนดาวเคราะห์โลกซึ่งเป็นดาวแห่งทางเลือกเสรีนี้
ผ่านบุตรเอกแห่งบิดา...มายังพวกเจ้าด้วยความรัก
บิดามีข่าวสารจะบอกต่อพวกเจ้าว่า
ทุกวันนี้ดาวเคราะห์โลก
ได้สูญเสียความสมดุลโดยสิ้นเชิงแล้ว
เพราะบุตรมนุษย์ทั้งหลายขาดการใส่ใจในพระโอวาท
เพราะบุตรมนุษย์ส่วนใหญ่ยังขาดความสามารถ
ที่จะคนตนเองให้เป็นมนุษย์
เพราะบุตรส่วนใหญ่ไม่เคยถามตนเองเพื่อ
ค้นหาคำตอบกันเลยว่า....
จิตวิญญาณแก่นแท้ของเจ้าเป็นใคร
มาจากไหน ใครอนุญาตให้มาเกิด
มาเกิดเป็นมนุษย์ทำไม
มีหน้าที่ต้องทำสิ่งใดบ้าง
เมื่อพวกเจ้าไม่รู้ความจริงในสิ่งที่ต้องรู้เหล่านี้
การประพฤติตนขณะดำรงอยู่บนโลกนี้ของพวกเจ้า
จึงเกิดการผิดพลาด บกพร่อง วิปริต ผิดปกติ
จนยังผลให้สังคมพวกเจ้าซึ่งสมควรที่จะเป็นหนึ่งเดียวกัน
ต้องเกิดการแบ่งแยก แตกร้าว ก้าวล่วงกัน
อีกทั้งยังหมุนกรรมจักรร่วมกัน แทนการหมุนธรรมจักร
เสียอีกต่างหากด้วย.....
ใครบางคนที่เข้าถึงจุดของความเบื่อหน่ายก่อน
ก็มักจะหันหน้าหาวัด หาพระ หาโบสถ์ หาเจ้า
หาสิ่งศักดิ์สิทธิ์จนแม้แต่ภูติผี
ค้นหาสิ่งที่ตนเองคิดว่าจะสามารถเป็นที่พึ่งทางใจได้บ้าง
โดยลืมไปว่า....บิดาแห่งเจ้า
ได้ประทานความศักดิ์สิทธิ์ไว้ในตนเองของพวกเจ้า
เพื่อให้เจ้าเป็นที่พึ่งของตนเองได้โดยมิพักต้องพึ่งพา
ความศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่นๆเลยก็ได้
แต่ทว่าเจ้าจะสามารถค้นพบความศักดิ์สิทธิ์ในตนเองได้
ก็ต่อเมื่อตัวเจ้าเองจักต้องสั่นสะเทือนมันเท่านั้น
เพราะบิดากำหนดสร้าง เครื่องยนต์แห่งกรรมของเจ้า
ให้เป็น "วัดประจำตัว" ของพวกเจ้าแต่ละคน
โดยมีตัวเจ้าเองเป็นทั้งเจ้าอาวาสหรือเจ้าวัด
และยังเป็นผู้จำวัดแห่งนี้ตราบสิ้นอายุขัยเลย
ความศักดิ์สิทธิ์ของวัดคือตัวเจ้า
จะต้องเกิดได้จากการสั่นสะเทือน 6 ประการร่วมกัน
กล่าวคือ....
1.ทำให้โลกสั่นสะเทือน
เพราะโลกเป็นดั่งลูกนิมิต
ทำได้โดย ตัวเจ้าเพียงแค่สั่นสะเทือนจิตสำนึกของตนทางด้านบวก
ด้วยการรักให้ได้ ให้ให้เป็น
และไม่กระทำก้าวล่วงต่อผู้อื่นทั้งกาย วาจา และจิตใจ
ตลอดทุกวันเวลาเท่านั้นเอง
ดาวเคราะห์โลกก็จะสั่นสะเทือน
ไปตามจิตสำนึกด้านบวกของเจ้าแล้ว
เมื่อทำได้สำเร็จ
ตัวเจ้าเองกับโลกก็จะเข้าถึงซึ่ง
การเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างลงตัว
อำนาจในการเป็นคนสองมิติของเจ้า
ก็จักบังเกิดขึ้นมาโดยพลัน
2.ทำให้จิตสั่นสะเทือนด้านบวก
เพราะจิตของเจ้าเป็นดั่งมหาวิหาร
นอกจากเจ้าจะสั่นสะเทือนจิตสำนึกเป็นความรักโลกแล้ว
ในชีวิตประจำวันเจ้าก็จักต้องเรียนรู้ที่จะสั่นสะเทือน
จิตสำนึกด้านบวกต่อเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆให้จงได้
ไม่ว่าเขาคนนั้นจะทำดีพูดดีต่อเจ้า....หรือ....
ไม่ว่าเขาคนนั้นจะทำชั่วพูดชั่วต่อตัวเจ้าก็ตาม
เจ้าก็จักต้องเรียนรู้ที่จะรักให้ได้ ให้ให้เป็น
และไม่กระทำก้าวล่วงเขากลับคืนอีกด้วย
ในชีวิตประจำวัน ตัวเจ้าจักต้องเรียนรู้ที่จะ
สั่นสะเทือนจิตใจตนเองเป็นความรักไว้มอบให้ผู้อื่น
สั่นสะเทือนทางปัญญาเป็นการคิดด้านบวก
เพื่อการแสดงออกหรือกระทำด้านบวกต่อผู้อื่นเสมอ
ความประพฤติของจิตเป็นกิจวัตรเยี่ยงนี้เอง
จึงไม่ต่างจากการปฏิบัติธรรมภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์เลย
เมื่อเจ้าปฏิบัติธรรมด้วยจิตของเจ้า
กรรมดีๆนั้นบังเกิดขึ้นจากการกระทำที่จิตของเจ้า
ดังนั้น.....
จิตของเจ้าจึงไม่ต่างไปจาก
มหาวิหารสถานธรรมศักดิ์สิทธิ์โดยทั่วไปนั่นเอง
3.มีแก่นแท้เป็นประธาน
ในที่นี้หมายถึง การปฏิบัติจิตของเจ้าในมหาวิหารนั้น
เจ้าจักต้องรู้ว่าตัวเจ้าเองยังมีจิตวิญญาณแก่นแท้
ประทับอยู่อย่างนิ่งสงบภายในมหาวิหารนั้นด้วย
การสั่นสะเทือนใดๆที่ดีงามของเจ้าภายในมหาวิหารนั้น
พระประธานคือแก่นแท้ของตัวเจ้าเอง
ล้วนรับรู้ดูเห็นในกรรมดีๆนั้นอยู่ตลอดเวลา
แต่เนื่องจาก จิตหยาบของเจ้าเป็นตัวแทนของแก่นแท้
ดังนั้น เมื่อเจ้าสั่นสะเทือนจิตสำนึกด้านบวกขึ้นมาได้
จิตวิญญาณแก่นแท้ของเจ้า มีหรือที่จะไม่ปิติยินดีในกุศลนั้น
4.ทำให้สั่นสะเทือนทางปัญญาเป็นการคิด
เพราะปัญญาญาณของเจ้าเป็นเสมือนเจดีย์วัดนั่นเอง
ในชีวิตประจำวัน เจ้าจึงต้องเรียนรู้ที่จะเข้าถึงการใช้สติปัญญา
และปัญญาญาณของตนเองให้ได้
ด้วยการฝึกคิด แทนการได้แต่นึกด้วยจิตไปวันๆ
เจ้าจะต้องเรียนรู้ให้ได้ว่า จะใช้ความฉลาดทางปัญญา
ของสมองสองซีกที่ตนเองมีอยู่อย่างมีประสิทธิผลได้อย่างไร
ถ้ายังคิดแบบจิตมนุษย์ คลื่นการคิดของเจ้า
มันก็จะยังคงวนเวียนอยู่แต่ภายในกระโหลกเท่านั้น
ผลการคิดก็จะได้แต่บทสรุปจากการวิเคราะห์ด้วยเหตุผล
ซึ่งมันเกิดขึ้นอยู่ภายในกระโหลกศีรษะของเจ้านั่นแหละ
แต่ถ้าเจ้าเรียนรู้ที่จะใช้ปัญญาญาณของสมองซีกขวาบ้าง
เจ้าก็จะต้องรู้วิธีกดปุ่มมัน เรื่องการฝึกทักษะเช่นว่านี้
บุตรเอกแห่งบิดานั้นเชี่ยวชาญในการช่วยฝึกฝนพวกเจ้า
ให้แคล่วคล่องในการใช้มันมานานแล้ว
เพียงแค่พวกเจ้าเฝ้าฟังพระโอวาท
แล้วหมั่นคิดตามและตอบคำถามไปเรื่อยๆ
และการที่พวกเจ้าเข้าร่วมฝึกอบรมบ่มจิตปัญญา
กับค่ายปฏิบัติธรรมยุวจิตจักรวาลสัญจร
ตลอดทุกครั้งที่ผ่านมาและตลอดไปเรื่อยๆ
เจ้าก็จะสามารถเปลี่ยนระบบการคิดรู้ไปเป็นล่วงรู้
ด้วยพลังอำนาจแห่งปัญญาญาณของตนเองได้
ภายในไม่ช้านาน
ปัญญาญาณ คือ คลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก
ซึ่งอยู่ในรูปของคลื่นความคิด อันเกิดจาก
การสั่นสะเทือนของจิตร่วมกับสมองซีกขวานำซีกซ้าย
ที่มันสามารถขับเคลื่อนออกมาภายนอกกระโหลกศีรษะ
ของพวกเจ้าได้ เพื่อทำการดูดซับรับเอาคำตอบที่เจ้าต้องการ
อันเป็นข้อมูลที่สั่งสมอยู่บนระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก
อยู่แล้ว ให้แก่เจ้าเป็นรางวัลในทันทีที่เจ้ายกระดับคลื่นการคิด
เป็นการใช้ปัญญาญาณได้
ความรู้ใหม่ๆที่เจ้าคิดเองได้ด้วยวิธีคิดสร้างสรรค์นั้น
ล้วนเป็นกระบวนการใช้ปัญญาญาณระบบนี้ทั้งสิ้น
เจ้าจักต้องรู้ว่า
ปัญญาที่เจ้าสามารถหยิบมาใช้นิพพานทุกสิ่งได้
ก็คือ "ปัญญาญาณ" นี่เอง
5.สั่นสะเทือนกายสังขารของเจ้าทางด้านบวกเสมอ
เพราะสังขารของเจ้าเปรียบดั่งอารามนั่นเอง
อารามนั้นเป็นอาณาเขตคามของวัดสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม
กายสังขารของเจ้า ซึ่งมีจิตเป็นมหาวิหารก็อยู่ในอาราม
จิตวิญญาณของเจ้า ซึ่งเป็นดั่งพระประธานก็อยู่ในอาราม
ปัญญาญาณของเจ้า ซึ่งเป็นดั่งเจดีย์ก็มีอยู่ในอาราม
ถ้าเจ้าจดจำคำว่าจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าวได้
เจ้าก็คงจะเข้าใจได้เป็นอันดีว่า
พฤติกรรมใดๆที่เจ้าแสดงออกมาภายนอก
ทั้งกายกรรมและวจีกรรมคำพูดใดๆก็ตาม
มันจักต้องสงบ สำรวม และมีมหาสติ ดั่งผู้ทรงศีล
มันจักต้องงดงาม สง่างามในทุกอิริยาบถโดยแท้
จะทำตนกระโดกกระเดกไม่งามไม่สำรวมย่อมมิได้
6.สั่นสะเทือนองค์ความรู้ที่บิดาแห่งเจ้าถ่ายทอดมาให้
เพราะองค์ความรู้ทั้งหลาย คือ พระคัมภีร์ที่เจ้าวัดจักต้องถือปฏิบัติ
อย่างเคร่งครัดกันนั่นแหละ
ทั้งการสื่อถ่ายทอดพระโอวาทด้วยการกล่าวสดๆ
หรือสื่อถ่ายทอดผ่านตัวอักษร
หลากล้วนเป็นดั่งพระคัมภีร์ ซึ่งจะศักดิ์สิทธิ์ได้ก็ต่อเมื่อ
ตัวเจ้าต้องหมั่นอ่าน หมั่นฟัง หมั่นคิดพิจารณา
และหมั่นนำเอาออกมาใช้ในชีวิตประจำวันให้จงได้
การสั่นสะเทือนของเจ้าดังกล่าวนี้
จะยังผลให้พระโอวาทแห่งบิดา
เกิดพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้
ขอพวกเจ้าจงเร่งหันมาบูรณะวัดของตนเองเถิด
อย่าปล่อยให้เป็นที่สิงอยู่ของสิ่งสกปรกรกรุงรัง
เช่น กิเลส ตัณหา ราคะ อุปาทาน
และความงมงายอยู่ต่อไปอีกเลยนะ
มัวแต่ไปพึ่งพาวัดคนอื่นมามากแล้ว
หันกลับมาทำวัดของตนให้สะอาดก่อนเถิด
วัดไหนๆก็ไม่สำคัญเท่าวัดของตนหรอก
บุตรรักแห่งบิดาทั้งหลาย....
ถ่ายทอดคลื่นการคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย: อ.ปริญญา ตันสกุล
9-09-2014