วันอาทิตย์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
คืนกลับมาตามสัญญา
ATTN:
อาชวารย นีรติ,สมกิจ รวยเต็มหัตถ์,Manassanant Porncharoenroj และนักเรียนห้อง Visudhi Punya ทุกคน
Question: ของคุณ อาชวารย นีรติ
..........................
ขออนุญาตถามครับ.
ผมมีรุ่นน้องที่มีศรัทธาในพ
เขาเรียนเนื้อหาในนั้นอย่าง
เพื่อจะเป็นศาสนาจารย์ในอนา
แต่ผมเห็นว่าเขามีทิฏฐิและย
เขาเห็นที่เราพูดกันถึงเรื่
ปรามาสว่าเป็นพระวจนเท็จไม่
ผมควรจะช่วยเหลือเขาอย่างไร
๑.เกรงจิตเขาจะปรามาสต่อพระ
๒.เราควรบอกเขาอย่างไรดีให้
Answer:
..........................
1.สิ่งที่พวกเธอเผชิญนี่แหล
2.สิ่งที่พวกเธอเผชิญนี่แหล
กลับมากอบกู้วิกฤติด้านจิตส
เพราะจิตหยาบของผู้คนเหล่าน
< ได้แต่นึก ไม่ฝึกคิด
< คิดแบบอริยะหรือคิดแบบจิตจั
< ยึดติดตัวตนของตน เช่น ความรู้สึกของตน ความชอบของตน ความเชื่อของตน ความลุ่มหลงงมงายของตน ครูของตน คัมภีร์ของตน ฯลฯ แล้วปฏิเสธความรู้ ความคิด ความจริงและไม่จริงของคนอื่
< ใช้ข้ออ้างแทนเหตุผล
< เหมือนจะมีเหตุผล แต่ก็ใช้เหตุผลไม่เป็น
< หลงตนเอง ข่มคนอื่น
< เกลียดกลัวการเปลี่ยนแปลง
< ดีแต่คิดบวกตามกระแส แต่คิดด้านบวกไม่เป็น
< ได้แต่คิดลบ แต่กลับคิดด้านลบไม่เป็น
คุณสมบัติด้านลบเหล่านี้ เธอสามารถพบเห็นได้จากคนเหล
3.เราจึงขันอาสาพระบิดาเพื่
เราจึงกล่าวกับพวกเธอตลอดมา
จงปลดปล่อยพวกเขาไปเถอะ วางเสีย แล้วหันมาทำหน้าที่ดูแลจิตว
วันข้างหน้า...เธอยังจะพบเจ
ที่สำคัญ คือ ผู้ใดต่อต้านเรา
แสดงว่าพวกเขาได้ถูกพิพากษา
4.ในวันข้างหน้า คนส่วนใหญ่ผู้สับสนในตนเองเ
กลับมาเพื่อจะนำทางพวกเขาเข
ถ้าพวกเขาไม่งมงายอยู่กับกา
Amen....
ป.วิสุทธิปัญญา
30-05-2014
ทุกศาสนาล้วนเป็นสากล
พระพุทธองค์ มิได้ทรงเป็นแค่เพียงผู้นำท
องค์เยซูคริสต์เจ้า ก็มิได้ทรงเป็นแค่เพียงผู้ก
องค์นบีมูฮัมหมัดเจ้า ก็มิได้ทรงเป็นแค่เพียงผู้ก
แท้จริงแล้ว พระศาสดาทุกๆพระองค์ทรงเป็น
พระศาสดาทุกๆพระองค์จึงทรงเ
โดยเป็นผู้ทรงมีพระปรีชาญาณ
ด้วยเหตุนี้เอง....
เราจึงกล่าวเสมอว่าทุกศาสนา
พระศาสดาทุกๆพระองค์ทรงเป็น
สัจธรรมที่ทุกพระองค์ทรงสื่
จงอย่านำศาสนามาสร้างเป็นลั
และจงอย่าลบหลู่พระศาสดาด้ว
ป.วิสุทธิปัญญา
27-05-2014
คำสาบาน
คำสาบาน.....
มิได้มีพลังอำนาจใดที่สามารถจะเปลี่ยนแปลงความจริงที่จริงแท้ได้
ขณะเดียวกัน คำสาบานนั้น.....
ก็มิได้มีพลังอำนาจใดๆที่สามารถจะเปลี่ยนแปลงความเท็จให้เป็นจริงได้เช่นกัน
นอกจาก "หลอกให้ผู้อื่นเชื่อ" เท่านั้น
เมื่อเป็นดั่งนี้แล้ว....
เธอจะอ้างสัจจะด้วยการกล่าวคำสาบานให้เป็นที่ระคายเคือง
ต่อพระองค์ทำไมกัน
ป.วิสุทธิปัญญา
21-05-2014บนเส้นทางนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง
กลับบ้านเถอะลูก....
องค์จิตจักรวาลทรงรอการหลุด
ที่เป็นสวรรค์นิรันดร....
คำอธิบายว่า "ปัญญา" มีความหมายว่าอย่างไร ด้วยการยึดเอาหลักอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป มาท่องตามคำที่จำมานั้นมันเ
ลองนำมาใช้กับคนใกล้ตัว หรือคนข้างบ้านตอนที่พวกเขา
คำถามที่เป็นปัญหาของผู้ติด
1.เธอจะสร้างสติและรักษาจิต
2.เธอจะทนต่อการยั่วยุนั้นไ
3.เธอจะเข้าถึงกฎไตรลักษณ์ท
หมายเหตุ:
นั่งหลับตาใช้ปัญญาพิจารณาก
แต่ในชีวิตประจำวัน เธอยังมีคนรอบข้างที่จะสร้า
อย่าคิดว่าห้ามจิตตนเองมิให
แต่การที่เธอสามารถอยู่ร่วม
เพราะอดทนต่อการกระทำไม่ถูก
เพราะอดกลั้นต่อการกระทำไม่
เพราะให้อภัยต่อบุคคลที่ไม่
นี่คือ ผลแห่งการปฏิบัติมหาสติ ในท่ามกลางสังคมเมืองโดยไม่
มนุษย์จะไปสวรรค์คนเดียวไม่
ป.วิสุทธิปัญญา
9-05-2014
กฎแห่งสัจจะ
กฎแห่งสัจจะ:
1.พระบิดาทรงกำหนดให้คลื่นการสั่นสะเทือนใดๆก็ตามที่เกิดขึ้น จากจุดเริ่มต้น จะคลี่คลายขยายตัวออกจากจุดศูนย์กลางหรือจากผู้สร้างการสั่นสะเทือนให้เกิดคลื่นนั้นออกไปโดยรอบ
2.คลื่นการสั่นสะเทือนแต่ละระลอกจะพาเหรดตามๆกันไปเรื่อยๆ จนคลื่นระลอกแรกเมื่อเดินทางถึงสุดขอบของสนามพลังงานของจักรวาล (ขอบของเอกภพ) ก็จะสะท้อนกลับทางเดิมเพื่อเคลื่อนตัวคืนสู่จุดศูนย์กลางของการสั่นสะเทือน หรือสั่นสะเทือนเคลื่อนไหลกลับคืนสู่ผู้สร้างการสั่นสะเทือนให้เกิดคลื่นนั้นเสมอ คลื่นระลอกต่อๆมาก็จะเกิดปรากฏการณ์แบบเดียวกัน
3.จุดใดเป็นจุดเริ่มต้นการสั่นสะเทือนของสิ่งใด จุดนั้นก็จะเป็นจุดสิ้นสุดของการสั่นสะเทือนของสิ่งนั้นๆเสมอ
4.มนุษย์คนใด สร้างแรงสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดของจิตตนเองให้เกิดขึ้นเมื่อใดก็ตาม แรงสั่นสะเทือนของจิตในขณะนั้น จะก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนของสนามพลังงานที่รายรอบตัวเธออยู่ด้วยอัตราความถี่และคุณสมบัติของคลื่นชนิดเดียวกันกับที่เธอผลิตสร้างมันขึ้นมานั่นเอง
คล้ายดั่งการเกิดระลอกคลื่นของน้ำ เมื่อเธอโยนก้อนหินลงไปนั่นแหละ
ถ้าหินก้อนใหญ่ และทุ่มลงไปแรงๆ คลื่นน้ำแต่ระลอกที่กระจายตัวออกไปจากจุดที่หินกระทบน้ำก็จะเป็นคลื่นระลอกใหญ่ เคลื่อนที่ออกไปเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว
5.ถ้าเธอสั่นสะเทือนจิตใจของเธอแรงๆด้วยคลื่นความถี่ต่ำๆ อันเป็นความถี่ด้านลบจำพวกกิเลสตัณหา คลื่นการสั่นสะเทือนด้วยคุณสมบัติที่ว่านี้ มันก็จะทำให้สนามพลังงานของจักรวาลหรือของเอกภพที่ห่อหุ้มอุ้มโอบตัวเธออยู่ สั่นสะเทือนแรงเป็นระลอกคลื่นลูกใหญ่ๆกระจายตัวออกไปจนสุดขอบจักรวาล โดยแต่ระลอกคลื่นนั้นมันก็จะพากันสะท้อนย้อนกลับคืนมาสู่ตัวเธอในบั้นปลาย
ถ้าระลอกคลื่นนั้นเคลื่อนขยายกระจายตัวออกไปเร็ว
ระลอกคลื่นนั้นมันก็จะพากันสะท้อนย้อนกลับมาหาเธอเร็ว ในสัดส่วนที่แปรตามกันเสมอ....
นี่แปลความหมายว่า ถ้าเธอสั่นสะเทือนจิตใจเธอจนเกิดเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดเพื่อการกระทำสิ่งใด เรื่องใด ต่อใครในมิติโลกทางกายภาพหรือในมิติแห่งเนื้อหนังแล้ว แรงสั่นสะเทือนทางจิตของเธอ มันจะยังผลให้เกิดการสั่นสะเทือนของสนามพลังงานจักรวาล นำพาคุณสมบัติของคลื่นที่เธอสั่นสะเทือนมันขึ้นมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี เรื่องเลว กระจายตัวออกไปจากจิตเธอเป็นวงรอบจนสุดขอบจักรวาลเลยทีเดียว
พวกเธอจึงได้เรียนรู้ความจริง ในรูปของ "กฎแห่งกรรม" กันมาตลอดว่า
"ทำดี ได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว"
แล้วยังอธิบายความว่า "ปลูกสิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้น"
6.มีข้อพึงสังเกตอยู่ว่า....เนื่องจากสนามพลังงานแห่งเอกภพที่พวกเธอเรียกว่าสนามพลังงานแห่งจักรวาลนั้น มันกว้างใหญ่ไพศาลมาก จึงยังผลให้กรรมดีกรรมชั่วที่ตัวพวกเธอก่อขึ้นในความเป็นมนุษย์ของพวกเธอนั้น เมื่อก่อมันขึ้นมาแล้ว บางกรณีมันก็จะส่งผลกลับมาช้า บางกรณีมันก็จะสะท้อนกลับมาสนองเร็ว เอาแน่นอนในการคิดแบบจิตมนุษย์ไม่ได้
บางคนกว่าคลื่นการสั่นสะเทือนของตนจะสะท้อนกลับคืนมาให้รับผิดชอบ อาจเป็นภพชาติถัดไป เพราะเครื่องยนต์แห่งกรรมหมดอายุขัยใช้งานเสียก่อน ขณะที่บางคนกรรมหรือการสั่นสะเทือนของตนนั้นจะสะท้อนคืนกลับมาให้รับผิดชอบเร็วกว่าที่คิด
7.ดังนั้น เธอจึงต้องจดจำไว้ว่า....
"กฎแห่งกรรม ไม่ต้องมีใครควบคุมมัน"
"กฎหมายหนีได้ แต่กฎแห่งกรรมนั้นหนีไม่พ้นแน่ๆ"
"ใครก่อกรรมทำเวรไว้ เมื่อตายแล้วยังต้องรอรับผลกรรมนั้นอยู่ ตายแล้วมิได้จบสิ้นกันง่ายๆอย่างที่คิด"
8.พระบิดาทรงแฝงสัจจธรรมเรื่องนี้ไว้กับ การปลูกถั่วเขียว ที่ลูกๆทั้งหลายมักเพาะไว้ทานกันมาตั้งแต่โบราณ เนื่องจากเป็นธัญญพืชที่มีทั้งโปรตีนชนิดที่ร่างกายต้องการ รวมทั้งวิตามินเอที่ใช้บำรุงอายตนะภายนอกทั้งห้ากับสารอาหารที่มีคุณค่าอื่นๆอีกมากมาย จนพวกเธอสามารถเพาะเอาไว้รับประทานเป็นประจำทุกมื้อทุกวันก็ได้
โดยพวกเธอจะสังเกตได้ว่า ถั่วเขียวจะต้องแตกโตเป็นถั่วงอกก่อนกว่ามันจะเติบโตเป็นต้นถั่วเขียวเสมอ นั่นคือ เมื่อเธอก่อกรรมใดไว้ กว่ากรรมนั้นจะสนองเธอก็ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งนั่นเอง
ก่อนที่เมล็ดถั่วจะเติบโตเป็นต้นถั่วเขียวนั้น พระองค์ทรงกำหนดให้มันต้องแตกโตเป็นถั่วงอกก่อนและพร้อมให้เธอรับประทานมันได้ด้วย เพื่อให้เธอระลึกได้ว่า...
แม้เธอจะปลูกถั่วเขียว แต่เธอกลับได้ถั่วงอกก่อน แปลว่าผลกรรมในมิติแห่งจิตวิญญาณนั้นมันจะส่งผลต่อมนุษย์เช่นเธอช้า เนื่องจากต้องใช้เวลาดังอธิบายไว้ข้างต้นนั้นแล้ว
กับการที่เธอสามารถทานถั่วงอกนั้นได้ ก็เพื่อทรงสั่งสอนเธอว่า ถั่วงอกนั้นมันก็เป็นผลกรรมจากการเพาะปลูกของเธอนั่นแหละ ซึ่งเธอเป็นเจ้าของมัน เธอสามารถเก็บเกี่ยวมันมารับประทานได้หากต้องการ หากปล่อยให้มันเติบโต ยังไงๆมันก็จะเป็นต้นถั่วเขียวที่จะให้ผลเป็นเมล็ดถั่วเขียวในวันหน้าแน่นอน มันจะไม่กลายพันธุ์ไปเป็นต้นอื่นเด็ดขาด
พี่ๆน้องๆแห่งเราทั้งหลาย....
จงใส่ใจในอารมณ์รู้สึกนึกคิดของตน ทุกขณะในยามตื่นเถิด
หากพวกเธอปรารถนาจะกลับบ้าน นอกระบบเอกภพ โดยมิพักต้องย้อนคืนสู่การมีภพชาติใหม่อีก ไม่ต้องเป็นเทพ เป็นเทวดา หรือว่ามาเกิดเป็นมนุษย์
พวกเธอจงละเลิกความเชื่อที่ว่า.....
1).ทำบุญเบื้องล่าง เอาไปสร้างเบื้องบน ทำบุญหลายหน ได้กุศลหลายครั้งเสียเถิด
2).การได้เกิดเป็นเทพ พรหม หรือมนุษย์ ในภพชาติต่อไป ถือเป็นที่สุดของเธอแล้ว จึงฝันอยากไปสวรรค์และกลัวการตกนรกขึ้นสมอง
3).กฎแห่งกรรมไม่มีจริง ตายแล้วก็จบ และไม่เชื่อเรื่องนิพพานเพื่อกลับคืนสู่สวรรค์นิรันดรของจิตวิญญาณแก่นแท้ในตนเอง
สาธุ....เอเมน....
ด้วยรักและห่วงใย
ป.วิสุทธิปัญญา
10-05-2014
ทำไมมนุษย์ทุกคนต้องตาย?
:
ทำไมมนุษย์ทุกคนต้องตาย?
.......................... ....................
1.เพราะรับประทานสิ่งบริโภค ที่ไม่ถูกต้องเข้าไปในเครื่ องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย ์น่ะสิ
2.เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธร รมมนุษย์ หรือกายสังขารนั้น เปรียบเสมือนรถยนต์นั่นแหละ ถ้าผู้ผลิตกำหนดให้เติมเชื้ อเพลิงหรืออาหารประเภทใด เจ้าของรถยนต์คันนั้นก็ต้อง เติมน้ำมันเชื้อเพลิงประเภท นั้น จะดันทุรังไปเติมน้ำมันชนิด อื่นไม่ได้ เดี๋ยวเครื่องยนต์จะพังเสียหายหมดเลย
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรม มนุษย์ ถูกกำหนดสร้างโดยองค์จิตจัก รวาล และผู้ลงมือสร้างตามพระบัญช าก็คือ พี่พลียะเดี้ยนส์รับผิดชอบก ารผลิตสร้างในมิติทางกายภาพ จากกลุ่มดาวลูกไก่ และพี่อาร์คทอเรี่ยนรับผิดช อบการผลิตสร้างในมิติทางจิต วิญญาณจากกลุ่มดาววัว ซึ่งพี่ๆเขากำหนดให้เติมเชื ้อเพลิงหรือวัตถุดิบเข้าไปท างปากด้วยการกินและดื่ม อาหารจำพวกพืช ผัก ผลไม้ เมล็ดธัญพืช และน้ำบริสุทธิ์เท่านั้น
3.แต่ในความเป็นจริงปรากฏว่ า พวกเธอเปลี่ยนไปกินอาหารจำพ วกเลือดเนื้อของสัตว์เข้า โดยกินมากกว่าพืชผักผลไม้แล ะธัญพืชเสียอีกด้วย จึงเท่ากับว่าเติมเชื้อเพลิ งหรือวัตถุดิบไม่ตรงกับที่ผ ู้ผลิตเครื่องยนต์แห่งกรรมก ำหนดไว้นั่นเอง
รถยนต์ที่เติมเชื้อเพลิงผิด ประเภท จะวิ่งไม่เรียบ เครื่องยนต์จะเดินสะดุดหรือ กระตุก วิ่งไปส่งเสียงระเบิดทางท่อ ไอเสียไป แถมยังมีกลิ่นเหม็นอีกต่างห าก ทั้งยังไม่มีเรี่ยวแรงจะวิ่ งเร็วๆอีกด้วยสิ....เธอว่าม นุษย์ส่วนใหญ่ในโลกนี้ เขามีอาการแบบนี้ไหมกล่าวคื อ หลังอาหารจะท้องอืด อาหารไม่ย่อย ผายลมมีกลิ่นเหม็น เจ็บไข้ได้ป่วยบ่อย เป็นต้น
4.พอทำร้ายตนเองด้วยการทานอ าหารผิดๆเช่นว่านี้ติดต่อกั นนานหลายปีเข้า รหัสพันธุกรรมกับโครงสร้างท างชีวภาพจึงถูกเปลี่ยนแปลงไ ปในทางเสื่อม โครงสร้างทางชีววิทยารูปธรร มมนุษย์จึงเริ่มมีอายุขัยใช ้งานสั้นลงเรื่อยๆ จนยุคนี้เกิดมาได้ไม่กี่ปีก ็พากันตายไปหนึ่งภพชาติเสีย แล้ว
5.ร่างกายมนุษย์ทุกคนนั้น แท้แล้วผู้สร้างมิได้มีข้อก ำหนดใดๆเลยว่า ต้องตาย ต้องจบสิ้นอายุขัยกัน เพราะพวกพี่ๆเขาได้กำหนดคุณ สมบัติของเซลอวัยวะร่างกายใ ห้มันไม่มีวันตายหรือเสื่อม ลง กล่าวคือ กำหนดให้เจริญเติบโตได้ ดำรงอยู่ได้ และสามารถซ่อมแซมส่วนที่สึก หรอของตนเองก็ได้ ซึ่งนักเรียนจะเห็นได้ว่าทุ กสิ่งที่กำหนดเป็นคุณสมบัติ ขึ้นไว้นี้ เกื้อกูลต่อการไม่มีวันตายอ ย่างสิ้นเชิง
6.ถ้าอยากมีอายุขัยยืนยาว ก็จงรับประทานอาหารให้ถูกต้ องครบถ้วน งดกินเนื้อสัตว์เด็ดขาด การทานเนื้อสัตว์นั้น นอกจากจะเป็นการฆ่าพี่ๆน้อง ของเธอเองอย่างโหดร้ายแล้ว มันยังป็นการทำร้ายตนเองให้ อายุสั้นลงอีกด้วย
ดังนั้น คำตอบที่ถามว่า ทำไมมนุษย์ทุกคนต้องตาย ก็เพราะกายสังขารเสื่อมสมรร ถภาพ ด้วยสาเหตุแห่งการกินที่ไม่ ถูกต้องดังกล่าวนี้สาเหตุหน ึ่งล่ะนะ
จงมาร่วมกันฟื้นฟูเครื่องยน ต์แห่งกรรมของพวกเธอ
ให้แข็งแรง และมีอายุขัยยืนยาวกันดีกว่ านะ....
ป.วิสุทธิปัญญา
15-05-2014
ทำไมมนุษย์ทุกคนต้องตาย?
..........................
1.เพราะรับประทานสิ่งบริโภค
2.เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธร
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรม
3.แต่ในความเป็นจริงปรากฏว่
รถยนต์ที่เติมเชื้อเพลิงผิด
4.พอทำร้ายตนเองด้วยการทานอ
5.ร่างกายมนุษย์ทุกคนนั้น แท้แล้วผู้สร้างมิได้มีข้อก
6.ถ้าอยากมีอายุขัยยืนยาว ก็จงรับประทานอาหารให้ถูกต้
ดังนั้น คำตอบที่ถามว่า ทำไมมนุษย์ทุกคนต้องตาย ก็เพราะกายสังขารเสื่อมสมรร
จงมาร่วมกันฟื้นฟูเครื่องยน
ให้แข็งแรง และมีอายุขัยยืนยาวกันดีกว่
ป.วิสุทธิปัญญา
15-05-2014
กลไกกำหนดวันตายของมนุษย์
นี่คือกลไกกำหนดวันตายของมนุษย์:
เฉลยคำตอบว่าทำไมทุกคนจึงหนีความตายไม่พ้น!
"""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""
คำกล่าวที่ว่า "ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าได้"
เพราะทุกคนต้องตายนั้น แท้จริงแล้วเป็นคำกล่าวที่ดูเหมือนว่าน่าจะถูกต้อง
ทั้งๆที่ความจริงที่เหนือจริงก็คือ.......
"มนุษย์ทุกคนไม่จำเป็นต้องตายเลย"
ถ้าหากรับประทานอาหารถูกต้อง ครบสูตร ครบหมู่
นั่นคือ......
การทานเลือดเนื้อของสัตว์เข้าไปในร่างกาย จนทำให้โรงงานผลิตสร้างโปรตีน(ดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอต่างๆ) ในร่างกายของตนเองพากันตกงาน ไม่มีงานทำกันมาช้านาน กายสังขารก็เลยเสื่อมสมรรถภาพไปตามกาล
นอกจากนั้น....
มนุษย์ทุกคนยังจะไม่ต้องตายให้เกิดมีภพชาติใหม่ๆเลยก็ได้
ถ้าแต่ละคนสามารถปฏิบัติตนให้เป็นคน "เหนือกรรม" ได้อย่างสิ้นเชิง
นั่นคือ....
รักได้ ให้เป็น ไม่ก้าวล่วงใคร ใช้จิตสำนึกดำเนินชีวิต!!!
แต่ในความเป็นจริงของมนุษย์บนโลกเสรีนี้นั้น
แต่ละคนก็ยังคงกระทำผิดบาปต่อตนเอง ต่อผู้อื่น
ต่อพระบิดาผู้ทรงเป็นเอกองค์จิตจักรวาล
และกระทำผิดต่อดาวเคราะห์โลกของตนที่ได้อาศัยหยัดยืนอีกด้วย
เพราะขาดมหาสติ และขาดปณิธานแห่งนิพพานนั่นเอง
เมื่อมีการกระทำผิดบาปต่อกัน ผลกรรมที่เกิดขึ้นในมิติแห่งแก่นแท้ก็คือ รูปธรรมทางพลังงานที่มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าซึ่งเป็นได้ทั้งบวก คือ ผลกรรมดี และที่มีคุณสมบัติเป็นลบ คือ ผลกรรมที่ไม่ดี
ผลกรรมทั้งสองชนิดนี้นั้น มันคือ "ขยะพลังงาน" รายวัน ที่พวกเธอแต่ละคนขยันสร้างมันขึ้นไว้ในระบบโลกอย่างขาดสติและไร้จิตสำนึก ซึ่งพวกเธอจักต้องรู้ว่า ใครเป็นผู้สร้างขยะขึ้นมาให้รกโลก ใครคนนั้นก็จักต้องรับผิดชอบในการเก็บกวาดขยะของตนให้ออกไปจากระบบให้หมดสิ้น ขยะพลังงานที่ว่านี้ก็คือ อิเล็คตรอนอิสระกับโปรตอนอิสระในชั้นบรรยากาศโลกนั่นเอง
วิธีการกำจัดขยะพลังงานอันเกิดแต่กรรมของพวกเธอนั้น พระบิดาจะทรงอนุญาตให้แก่นแท้ของเธอทิ้งกายสังขารที่เป็นมิติแห่งเนื้อหนังเมื่อเสื่อมโทรมจนใช้การไม่ได้ สู่การเกิดมีภพชาติใหม่ต่อไปได้เรื่อยๆ ภายในหกหมื่นปีที่กำหนดให้เป็นยุคพลังงานเก่าเอาไว้แล้วนั้น ใครจะเวียนตายเวียนเกิดกันสักกี่ภพชาติก็ได้ ก็ให้มันเป็นไปตามอำนาจแห่งกรรมที่ตนกระทำ
สาเหตุที่ต้องยอมให้มีการตายแล้วเกิดใหม่นั้น นอกจากกายสังขารหรือเนื้อหนังมันเสื่อมคือ ชราภาพ จนใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้อีกแล้ว ยังจะเป็นการย้อนกลับมาเกิดใหม่ให้ทันกับบททดสอบจิตสำนึกที่มันจะย้อนกลับมาสู่ตน ที่เรียกว่า "กรรมสนอง" เพื่อการแก้ไขใหม่ให้ถูกต้อง เพื่อการชดใช้ และเพื่อการเรียนรู้ในจังหวะที่เหมาะสม โดยในห้วงเวลาของการเปลี่ยนภพชาติใหม่นั้น แต่ละคนจะสามารถเปิดโอกาสให้คนอื่นๆที่เขายังมีภาระกิจแห่งกรรมที่ต้องรับผิดชอบอยู่เป็นจำนวนมาก ได้รับโอกาสให้สลับสับเปลี่ยนกันมาเกิดเป็นมนุษย์บนโลกเสรี เพื่อทำหน้าที่ของแต่ละคนกันได้บ้างนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้เอง การแบ่งปันโอกาส อันหมายถึงการมีภพชาติใหม่ในหมู่มวลมนุษย์จึงต้องบังเกิดขึ้น....
นักเรียนคงพอสรุปได้ว่า สาเหตุแห่งการมีภพชาติใหม่ ด้วยการตายของเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ทุกๆคนนั้น มีเพียง 2 กอ.เท่านั้นเอง คือ
1).กินผิด
2).ก่อกรรมผิด
เมื่อจิตวิญญาณแก่นแท้ในมนุษย์แต่ละคน ต้องแบ่งปันโอกาสแห่งการเกิดใหม่ให้แก่กันและกัน โดยผู้ที่มีภารกิจแห่งกรรมหนักหนากว่าจะเป็นผู้ได้รับโอกาสให้มาเกิดก่อน...และให้มีอายุขัยที่ยาวนานกว่า
ส่วนผู้ใดที่มีภารกิจแห่งกรรมน้อยกว่า ก็จะต้องเป็นผู้ที่ต้องเสียสละหรือแบ่งปันโอกาสแห่งการเกิดใหม่ให้แก่ผู้ที่มีภารกิจน้อยกว่าตนเสมอ แถมยังต้องตัดทอนอายุขัยของตนให้น้อยลง เพื่อแสดงบทบาทแห่งการเป็นผู้ให้ ซึ่งนักเรียนจักต้องรู้ว่าพวกเธอแต่ละคน จึงต่างต้องถูกกำหนดให้มีวันเกิดและวันตายเอาไว้ล่วงหน้ากันแล้วทั้งสิ้น...มันเป็นเรื่องปิดลับมานาน แต่วันนี้เราจะเฉลยให้พวกเธอได้รู้ความ
(ดูภาพสไลด์ประกอบ)
กลไกที่พระผู้สร้างทรงกำหนดติดตั้งไว้ ภายในเครื่องยนต์แห่งกรรมของพวกเธอทุกคน เพื่อกำหนดวันตายเอาไว้ให้ตั้งแต่แรกเกิดนี้
พระบิดาทรงเรียกว่า "ดิจิตัลลิส"
กลไก ดิจิตัลลิส ที่ว่านี้จะมีลักษณะเป็นรูปตัวยู หรือเกือกม้า
ทำด้วยโปรตีนชนิด DNA จำนวน 3 แท่งประกอบเข้าด้วยกันดังภาพ
ตรงบริเวณท้องตัวยู จะมีกลไกลักษณะคล้ายตลับยาหม่อง ยึดติดอยู่ ซึ่งกลไกชิ้นนี้จะทำหน้าที่เป็นสมองกลในการแปลรหัสสัญญาณไฟฟ้าของดิจิตัลลิสนั่นเอง
พระบิดาทรงเรียกว่า Lang Year
นอกจากนั้น บริเวณขาตัวยูทั้งสองข้าง ทั้งซ้ายขวา
จะถูกพันเอาไว้เป็นขดเกลียวอย่างเป็นระเบียบ ด้วยเส้นใยโปรตีนชนิด RNA โดยจำนวนขดเกลียวที่พันรอบๆแท่งดีเอ็นเอทั้งซ้ายและขวานั้น จะมีจำนวนขดเกลียวหรือจำนวนรอบที่พันไว้เท่ากัน หรือมีจำนวนเกลียวสมดุลกันเสมอ และเส้นใยสองเส้นที่ว่านี้ ปลายข้างหนึ่งก็จะยึดติดอยู่กับ สมองกล ส่วนปลายอีกข้างหนึ่งก็จะไปยึดโยงเอาไว้กับเส้นใย อาร์เอ็นเอ ของชุดดิจิตัลลิสอื่นๆที่อยู่ข้างเคียง ซึ่งปลายข้างหนึ่งจะเป็นขั้วลบ อีกข้างหนึ่งจะเป็นขั้วบวก
ยังมีกลไกสำคัญอีกชิ้นหนึ่งก็คือ ส่วนที่ทำหน้าที่เป็น "ขั้วต่างทางไฟฟ้า"
มีลักษณะคล้ายหนวดแมลงสาปสองเส้น ยึดโยงไว้กับกล่องสมองกลอีกด้วย
กลไกดิจิตัลลิสดังกล่าวนี้
จะถูกติดตั้งอยู่ในเซลอวัยวะร่างกายของมนุษย์ทุกคนทุกเซล และมีขนาดเล็กมากเล็กเสียจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ไม่ว่าเธอจะใช้แว่นขยายที่ดีที่สุด มีประสิทธิภาพสูงสุดที่ผลิตได้อยู่ในขณะนี้ก็มองไม่เห็น เพราะพระบิดาทรงรู้ดีว่า ถ้ามนุษย์รู้เห็นมันได้ง่ายๆ มนุษย์จะสร้างปัญหาใหญ่ให้แก่จักรวาลทันที
ตำแหน่งที่ทรงติดตั้งดิจิตัลลิสเอาไว้ก็คือ ซ่อนเร้นอยู่ในนิวคลิโอไทด์คู่ซ้ายของเซล ทั้งหมดทั่วร่างกาย ซึ่งนิวคลิโอไทด์คู่ซ้ายนี้พระองค์ทรงเรียกว่า "ดิจิตัล (Digital)" ขณะที่นิวคลิโอไทด์คู่ขวาของเซล พระองค์ทรงเรียกว่า "อะคอลเลี่ยนส์"
ชุดดิจิตัลลิสที่ว่านี้ ในมนุษย์แต่ละคน จะมีจำนวนขดเกลียวที่พันอยู่รอบๆขาตัวยูทั้งสองข้างไม่เท่ากัน คนที่มีอายุยืนยาวก็จะมีจำนวนขดเกลียวของเส้นใยอาร์เอ็นเอ ตรงขาตัวยูทั้งสองข้าง มากกว่าคนที่มีอายุขัยสั้นกว่าเสมอ โดยหนึ่งขดเกลียวหรือหนึ่งรอบที่พันอยู่จะคิดเป็นอายุขัยของคนๆนั้นเท่ากับ 6 ปี เช่น ถ้าขาตัวยูถูกพันเอาไว้ข้างละ 6 เกลียว สองข้างก็รวมกันเป็น 12 เกลียว เธอจะสามารถบอกได้เลยว่าอายุขัยของคนๆนี้ต้องเท่ากับ 12 x 6 = 72 ปีไม่มีผิดพลาดแน่นอน ที่พิเศษไปกว่านี้ก็คือ ขดเกลียวบนสุดทางส่วนปลายจะสามารถ แบ่งสัดส่วนความยาวต่อรอบออกเป็นจำนวนเดือนและจำนวนวันได้อีกต่างหากด้วย
หลักการทำงานของชุดดิจิตัลลิส ที่ต่อโยงกันอย่างเป็นระบบทั่วทั้งโครงสร้างทางชีววิทยา แบบอนุกรมนี้ ก็คือ
ขั้วต่างทางไฟฟ้าที่มีลักษณะคล้ายหนวดแมลงสาปในทุกเซลร่างกายและอวัยวะ จะถูกทำให้เคลื่อนที่ตัดผ่านโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก ที่ห่อหุ้มอุ้มชูพวกเธอและทุกสรรพสิ่งไว้ ด้วยการเหวี่ยงหมุนของดาวเคราะห์โลกในอัตราเร็วคงที่ คือ 24 ชั่วโมงต่อรอบ เมื่อขั้วต่างทางไฟฟ้าของชุดดิจิตัลลิสในระบบเซลเคลื่อนที่ตัดผ่านสนามแม่เหล็กขนาดใหญ่ คือ สนามแม่เหล็กโลกอย่างต่อเนื่องแล้ว มันก็จะก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้นในระบบเซลนั้นๆทันที โดยภายในเส้นใย RNA ที่ต่ออนุกรมกันไว้กับดิจิตัลลิสข้างเคียง จะเกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้าขึ้นมาได้ กระแสไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจากการเหนี่ยวนำนี้จะมีพลังสูงต่ำมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนขดเกลียวของเส้นใย RNA ที่เธอถูกกำหนดให้มาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาแล้ว
วิธีกำหนดให้การตายของแต่ละคนเป็นไปตามกำหนด ไม่มีผิดพลาดก็คือ การวางแผนให้เซลอวัยวะร่างกายของเธอแต่ละคน ได้รับพลังงานจากการเหนี่ยวนำ
จากชุดดิจิตัลลิสซึ่งติดตั้งอยู่ทุกเซลทั่วร่างกายที่ว่านี้ ในสัดส่วนที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน คือ ให้ขาดแคลนเข้าไว้ในปริมาณที่กำหนดให้นั่นแหละ ความเสื่อมของสังขารของพวกเธอที่มีผลต่อวันตายจะเป็นสัดส่วนแปรตามพลังงานที่ได้รับเสมอ
การส่งสัญญาณกระตุ้น DNA จากนอกระบบโลก โดยช่างเท็คนิกที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ก็ส่งเส้นแสงซึ่งแปลงเป็นพลังงานความรักที่เข้มข้นเข้ามากระตุ้นขั้วต่างทางไฟฟ้าของชุดดิจิตัลลิสของพวกเธอที่ว่านี้โดยตรงเลย ใครมีพลังลบมากก็จะสับสนเสียสมดุลทางสภาวะจิต เช่น ฉุนเฉียว หงุดหงิดง่าย โมโหร้าย สมองทึบ ประสาทเครียด ทั้งยังจะเกี่ยวเนื่องไปยังอาการเสียสมดุลทางกายอีกด้วย เช่น ท้องเสียไม่ทราบเหตุ อ่อนเพลียไม่มีแรง ขี้ลืมผิดปกติ เป็นต้น
ดังนั้นนักเรียนจะเห็นได้ว่า....มีสิ่งน่าคิดก็คือ
ถ้าโลกหมุนช้าลงหรือว่าเร็วขึ้น มันจะมีผลต่อการมีอายุขัยของเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ คือ อายุสั้นลง อายุขัยตรงตามที่กำหนดให้ หรืออายุยืนกว่าทีกำหนดมา หรือเปล่า?
ถ้าความเข้มสนามแม่เหล็กโลกไม่คงที่ คือ 14 เก๊าส์ มันจะมีผลต่อกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำที่เกิดขึ้นในระบบเซลโดยชุดดิจิตัลลิสนั้นๆหรือไม่?
มันจะมีผลต่อสมรรถภาพการทำงานของอวัยวะจำพวกตับ ไต ไส้ พุง ปอด ตับ หัวใจ ม้าม และต่อมไร้ท่อต่างๆที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าขับเคลื่อนไปในทางต่ำบ้างหรือเปล่า?
โลกทุกวันนี้ ทุกกรณีที่เราหยิบมาตั้งคำถามชวนพวกเธอคิดกันนั้นมันเป็นไปในทางเสื่อมคือต่ำลงทัั้งสิ้น มันไม่เป็นผลดีต่อกายสังขารและจิตวิญญาณของพวกเธอเลยใช่มั้ย?
ที่ผ่านมานั้น มนุษย์โลกทั้งหลาย
ต่างทำร้ายตัวเองอย่างเสรีด้วยกันทั้งสิ้น! ว่ามั้ย?
ด้วยรักและห่วงใย
ป.วิสุทธิปัญญา
16 พฤษภาคม 2557
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)