#อภิปรัชญา (Meta-physics)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้ง หลาย
จนบัดนี้...
วันสิ้นสุดกาลเวลาโลกยุคพลั งงานเก่า
ได้ล่วงเลยจาก 6 หมื่นปีมาได้ 800 ปีเศษแล้ว
บทสรุปของพระบิดาแห่งจิตวิญ ญาณ
ในสายพระเนตรของพระองค์ต่อม นุษย์โลกเสรี
ประเด็นที่ชัดเจนที่สุดก็คื อ
ยิ่งเนิ่นนานผ่านวันมา
ท่านทั้งหลายก็ยิ่งพากันหลง มิติมากขึ้น
โดยจิตหยาบของท่านจดจำกันไม ่ได้แล้วว่า
ท่านยังมีจิตวิญญาณเป็นแก่น แท้อยู่ข้างใน
การทำอะไรตามใจตัว
รู้สึกชอบไม่ชอบอย่างไรก็ทำ ไปตามนั้น
มีอารมณ์แบบใดก็ทำไปแบบนั้น
เชื่อว่าอย่างไรก็ทำไปตามที ่เชื่อนั้น
นึกว่าอย่างไรก็ทำไปตามที่น ึกอยู่นั้น
โดยมิได้ใช้สติสัมปชัญญะปัญ ญา
ใคร่ครวญพิจารณาเสียก่อนว่า
สิ่งที่ตนจะพูดจะทำลงไปนั้น
1.#มันถูกต้องเหมาะสมดีงามหรื อไม่
2.#จะพูดจะทำด้วยความรักหรือเ ปล่า
3.#จะพูดจะทำไปตามสำนึกแห่งกา รให้หรือเอา
4.#จะเป็นบาปบุญคุณโทษหรือเปล ่า
คำถามตนเองทั้ง 4 ประการนี้
เป็นเรื่องราวของ #จิตสามนึก เฉพาะตนล้วนๆ
ทั้งสี่คำถามแนวนี้แหละ
ที่จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
ปรารถนาสูงสุดที่จะให้จิตหย าบ
สั่นสะเทือนทุกครั้งก่อนจะพ ูดหรือทำสิ่งใด
ซึ่งตรงกับภาษาคุ้นชินของท่ านว่า
คิดใคร่ครวญให้มั่นใจก่อนจะ พูดหรือทำนั่นเอง
ดังนั้น
มนุษย์ส่วนใหญ่บนโลกเสรีนี้
นอกจากจะบกพร่องต่อหน้าที่
ในพันธะสัญญา 6 ประการแล้ว
ยังเป็นตัวการทำลายสมดุลของ ระบบโลกด้วย
เพราะจดจำไม่ได้ว่าตนเองนั้ น
ยังมีจิตวิญญาณเร้นอยู่ข้าง ใน
ทั้งยังจำไม่ได้ด้วยว่าตนเอ งนั้นเป็นแค่เพียง
ผู้รับมอบอำนาจให้ทำหน้าที่ แทน
แก่นแท้ของตนเท่านั้นเอง
ความสมดุลของระบบโลก
ที่ถูกมนุษย์ส่วนใหญ่ทำลายไ ปแล้วมีดังนี้
1.ทรัพยากรทางธรรมชาติบนพื้ นโลก
จำพวกป่าไม้ ภูเขาหิน แม่น้ำ ลำคลอง
หนอง บึง ทะเลสาป และทะเล
ถูกทำลายจนเสียสมดุล
โดยผู้ทำลายมุ่งหวังกอบโกยป ระโยชน์
จากทรัพยากรโลกเพื่อตนและพว กพ้อง
เช่น สร้างคันเขื่อนกักกั้นแม่น้ ำ
ทำให้ระบบไหลเวียนพลังงานน้ ำของโลก
สูญเสียสมดุลไปเพราะความเห็ นแก่ตัว
เช่น การระเบิดหินทำลายภูเขา
ย้ายเอาไปสร้างตึกสร้างป่าค อนกรีตยังที่อื่น
อันเป็นการย้ายมวลหนักๆจากท ี่หนึ่ง
เอาไปวางยังอีกพิกัดหนึ่งที ่ห่างไกลออกไป
ซึ่งเดิมทีภูเขาทั้งหลายในธ รรมชาตินั้น
พระบิดาผู้ทรงกำหนดสร้างได้ จัดวางไว้
อย่างสมดุลดีอยู่แล้ว
เพราะถ้าจัดวางตำแหน่งภูเขา ที่ราบ
ท้องน้ำ ทะเล และมหาสมุทร ไม่ถูกที่
ดาวเคราะห์โลกดวงนี้ก็จะไม่ สมดุล
เมื่อเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองก ็จะโคลงเคลง
ที่เรียกว่าเกิดอาการแกว่งส ่ายนั่นแหละ
เมื่อแต่เดิมสมดุลดีอยู่แล้ ว
แต่มนุษย์ผู้อาสาพระบิดามาพ ิทักษ์โลก
กลับไม่ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์
เพราะลืมพันธะสัญญาที่เคยให ้ไว้ต่อพระบิดา
หลงลืมว่าตนเองมีจิตวิญญาณอ ยู่ข้างใน
ทั้งกลับทำตัวเป็น #ผู้ทำลายโลกเสียเอง
ด้วยการโยกย้ายภูเขาเอาไปไว ้ที่อื่น
โดยแปรสภาพเป็นอาคารวัตถุเท ็คโนโลยี
แข่งกันสร้างความสูง ความสวย
อวดความร่ำรวย อวดเท็คโนโลยีแทน
จนลืมพันธะหน้าที่ของแก่นแท ้ไปหมดสิ้น
2.อำนาจแม่เหล็กโลกและสนามแ ม่เหล็กโลก
ถูกทำลายลงจนเสียสมดุล
ลักษณะการทำลายมีสองรูปแบบ คือ
แบบแรกเกิดจากการสร้าง
สนามแม่เหล็กไฟฟ้าเทียมขึ้น มาใหม่
จากเครื่องมือเครื่องใช้ระบ บไฮเทค
ทั้งที่มีขนาดเล็กและขนาดให ญ่
ที่สามารถสร้างสนามแม่เหล็ก ไฟฟ้าเทียม
ขึ้นมาลดทอนอำนาจแม่เหล็กโล ก
ซึ่งเครื่องยนต์แห่งกรรมรูป ธรรมมนุษย์
จะขาดก็ไม่ได้ จะเพิ่มหรือลดลงก็ไม่ได้
มันจะกระทบกับกลไกอวัยวะร่า งกาย
กระทบกับกระบวนการทางจิตตปั ญญา
กระทบกับกระบวนการทางจิตประ สาท
ในทางเสียสมดุลไปทั้งในทันท ีและผ่อนส่ง
3.ดาวเคราะห์โลกเสียสมดุลทา งพลังงาน
เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่สามา รถเข้าถึง
การมอบพลังความรักทางวิญญาณ ให้โลกได้
โดยผู้คนส่วนใหญ่ได้แต่สั่น สะเทือนจิตใจ
เพื่อแสดงออกหรือกระทำภารกิ จใดๆ
สนองความต้องการของตนเองกับ พวกตัว
มากกว่ากระทำเพื่อจิตวิญญาณ และโลกทั้งสิ้น
มนุษย์ส่วนใหญ่ที่ดำรงอยู่ใ นระบบโลก
จึงพึ่งตนเองไม่ได้และยังเป ็นที่พึ่งของโลก
ในลักษณะเป็นเพื่อนร่วมงานข องโลกก็ไม่ได้
จึงยังผลให้มนุษย์แต่ละคนมี ค่าแค่เพียง
มวลหยาบๆมวลใหญ่ที่ทำให้หนั กโลก
เป็นภาระของโลกที่ต้องแบกน้ ำหนักไว้
มนุษย์จึงไม่ต่างจาก "ขยะ" ที่ปลิวว่อนไปมา
โดยแทบจะหาคุณค่าสำหรับโลกม ิได้
4.สนามพลังงานในระบบโลก
โดยเฉพาะในชั้นบรรยากาศไม่เ กิน 60 กม.
เกิดการเสียสมดุลอย่างรุนแร งเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้เป็นเพราะเหตุว่า
อีเล็คตรอนอิสระที่มีค่าเป็ นลบ
อันเกิดจากพลังจิตด้านลบของ มนุษย์โลก
ที่ผลิตสร้างกันขึ้นมาในทุก วินาที
มีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งจิตติดกิเลสตัณหาราคะมา กเท่าใด
ปริมาณประจุลบที่เหวี่ยงออก มาสั่งสมไว้
ในชั้นบรรยากาศเหนือถิ่นพำน ักอาศัย
ก็จะเพิ่มปริมาณความหนาแน่น มากขึ้นเรื่อยๆ
จนท่านทั้งหลายสามารถสังเกต ดูท้องฟ้าได้
วันใดที่พี่ๆน้องๆตรงใต้ท้อ งฟ้าพิกัดไหน
สั่นสะเทือนจิตใจด้วยกิเลสต ัณหาราคะมาก
เมฆบนฟ้าตรงพิกัดนั้นก็จักเ ป็นสีเทา
ดำหรือดำคล้ำและหนาทึบมากตา มไปด้วย
จนกลายเป็นเมฆฝนห่าใหญ่
และเกิดฟ้าคะนองฟ้าร้องฟ้าผ ่ารุนแรงตามมา
เมื่อตกลงมาก็จะมีพายุลูกเห ็บขนาดโตๆ
พรั่งพรูลงมาอย่างน่ากลัวอี กต่างหากด้วย
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านท ั้งหลายว่า
ถ้าท่านเป็นมนุษย์คนหนึ่ง
ซึ่งเป็นไปตามบริบทในแบบที่ ว่านี้
ขอท่านจงลดละเลิกพฤติกรรมเห ล่านี้เถิด
หันมาทำคุณอันประเสริฐแก่โล ก
เพื่อลดภาระของโลกและช่วยโล กทำงาน
ด้วยการรักกันให้ได้ ให้กันให้เป็น
แล้วละวางกิเลสตัณหาราคะกัน เสียทันที
ให้คิดทำทุกสิ่งเพื่อจิตวิญ ญาณและโลก
แทนการทำทุกสิ่งเพื่อสนองกิ เลสตัณหาราคะ
จนตนเองกลายเป็นขยะรกโลกไปโ ดยไม่รู้ตัว
ซึ่งรอวันให้ช่างเท็คนิกมาเ ก็บกวาดสาดทิ้ง
ให้ออกไปจากระบบโลกอยู่ต่อไ ปอีกเลย
ลูกแก้วสองดวงนั่นไง
รับจากพระหัตถ์พระบิดาผ่านม าทางเราแล้ว
ใยจึงถือครองเฉยเสมือนหลับอ ยู่ด้วยเล่า
จงตื่นตัวอยู่ในมหาสติ
จงเบิกบานอยู่ในปณิธานแห่งน ิพพานเถิด
ภัยพิบัติทั้งหลายในปฏิบัติ การชำระโลก
กำลังเยี่ยมกรายเข้ามาใกล้เ รื่อยๆแล้ว
จะทำอะไรจงเร่งรีบทำเสียเถอ ะนะ
การมีวิถีแห่งจิตจักรวาลนั้ นนับเป็นบุญวาสนา
ที่พระบิดาทรงโปรดปรานท่าน
แต่การจะใช้บุญวาสนาที่มีอย ู่เป็นหรือไม่
มันเป็นเรื่องของส่วนบุคคลแ ล้วล่ะท่าน
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
21-08-2017
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้ง
จนบัดนี้...
วันสิ้นสุดกาลเวลาโลกยุคพลั
ได้ล่วงเลยจาก 6 หมื่นปีมาได้ 800 ปีเศษแล้ว
บทสรุปของพระบิดาแห่งจิตวิญ
ในสายพระเนตรของพระองค์ต่อม
ประเด็นที่ชัดเจนที่สุดก็คื
ยิ่งเนิ่นนานผ่านวันมา
ท่านทั้งหลายก็ยิ่งพากันหลง
โดยจิตหยาบของท่านจดจำกันไม
ท่านยังมีจิตวิญญาณเป็นแก่น
การทำอะไรตามใจตัว
รู้สึกชอบไม่ชอบอย่างไรก็ทำ
มีอารมณ์แบบใดก็ทำไปแบบนั้น
เชื่อว่าอย่างไรก็ทำไปตามที
นึกว่าอย่างไรก็ทำไปตามที่น
โดยมิได้ใช้สติสัมปชัญญะปัญ
ใคร่ครวญพิจารณาเสียก่อนว่า
สิ่งที่ตนจะพูดจะทำลงไปนั้น
1.#มันถูกต้องเหมาะสมดีงามหรื
2.#จะพูดจะทำด้วยความรักหรือเ
3.#จะพูดจะทำไปตามสำนึกแห่งกา
4.#จะเป็นบาปบุญคุณโทษหรือเปล
คำถามตนเองทั้ง 4 ประการนี้
เป็นเรื่องราวของ #จิตสามนึก เฉพาะตนล้วนๆ
ทั้งสี่คำถามแนวนี้แหละ
ที่จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
ปรารถนาสูงสุดที่จะให้จิตหย
สั่นสะเทือนทุกครั้งก่อนจะพ
ซึ่งตรงกับภาษาคุ้นชินของท่
คิดใคร่ครวญให้มั่นใจก่อนจะ
ดังนั้น
มนุษย์ส่วนใหญ่บนโลกเสรีนี้
นอกจากจะบกพร่องต่อหน้าที่
ในพันธะสัญญา 6 ประการแล้ว
ยังเป็นตัวการทำลายสมดุลของ
เพราะจดจำไม่ได้ว่าตนเองนั้
ยังมีจิตวิญญาณเร้นอยู่ข้าง
ทั้งยังจำไม่ได้ด้วยว่าตนเอ
ผู้รับมอบอำนาจให้ทำหน้าที่
แก่นแท้ของตนเท่านั้นเอง
ความสมดุลของระบบโลก
ที่ถูกมนุษย์ส่วนใหญ่ทำลายไ
1.ทรัพยากรทางธรรมชาติบนพื้
จำพวกป่าไม้ ภูเขาหิน แม่น้ำ ลำคลอง
หนอง บึง ทะเลสาป และทะเล
ถูกทำลายจนเสียสมดุล
โดยผู้ทำลายมุ่งหวังกอบโกยป
จากทรัพยากรโลกเพื่อตนและพว
เช่น สร้างคันเขื่อนกักกั้นแม่น้
ทำให้ระบบไหลเวียนพลังงานน้
สูญเสียสมดุลไปเพราะความเห็
เช่น การระเบิดหินทำลายภูเขา
ย้ายเอาไปสร้างตึกสร้างป่าค
อันเป็นการย้ายมวลหนักๆจากท
เอาไปวางยังอีกพิกัดหนึ่งที
ซึ่งเดิมทีภูเขาทั้งหลายในธ
พระบิดาผู้ทรงกำหนดสร้างได้
อย่างสมดุลดีอยู่แล้ว
เพราะถ้าจัดวางตำแหน่งภูเขา
ท้องน้ำ ทะเล และมหาสมุทร ไม่ถูกที่
ดาวเคราะห์โลกดวงนี้ก็จะไม่
เมื่อเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองก
ที่เรียกว่าเกิดอาการแกว่งส
เมื่อแต่เดิมสมดุลดีอยู่แล้
แต่มนุษย์ผู้อาสาพระบิดามาพ
กลับไม่ทำหน้าที่ผู้พิทักษ์
เพราะลืมพันธะสัญญาที่เคยให
หลงลืมว่าตนเองมีจิตวิญญาณอ
ทั้งกลับทำตัวเป็น #ผู้ทำลายโลกเสียเอง
ด้วยการโยกย้ายภูเขาเอาไปไว
โดยแปรสภาพเป็นอาคารวัตถุเท
แข่งกันสร้างความสูง ความสวย
อวดความร่ำรวย อวดเท็คโนโลยีแทน
จนลืมพันธะหน้าที่ของแก่นแท
2.อำนาจแม่เหล็กโลกและสนามแ
ถูกทำลายลงจนเสียสมดุล
ลักษณะการทำลายมีสองรูปแบบ คือ
แบบแรกเกิดจากการสร้าง
สนามแม่เหล็กไฟฟ้าเทียมขึ้น
จากเครื่องมือเครื่องใช้ระบ
ทั้งที่มีขนาดเล็กและขนาดให
ที่สามารถสร้างสนามแม่เหล็ก
ขึ้นมาลดทอนอำนาจแม่เหล็กโล
ซึ่งเครื่องยนต์แห่งกรรมรูป
จะขาดก็ไม่ได้ จะเพิ่มหรือลดลงก็ไม่ได้
มันจะกระทบกับกลไกอวัยวะร่า
กระทบกับกระบวนการทางจิตตปั
กระทบกับกระบวนการทางจิตประ
ในทางเสียสมดุลไปทั้งในทันท
3.ดาวเคราะห์โลกเสียสมดุลทา
เพราะมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่สามา
การมอบพลังความรักทางวิญญาณ
โดยผู้คนส่วนใหญ่ได้แต่สั่น
เพื่อแสดงออกหรือกระทำภารกิ
สนองความต้องการของตนเองกับ
มากกว่ากระทำเพื่อจิตวิญญาณ
มนุษย์ส่วนใหญ่ที่ดำรงอยู่ใ
จึงพึ่งตนเองไม่ได้และยังเป
ในลักษณะเป็นเพื่อนร่วมงานข
จึงยังผลให้มนุษย์แต่ละคนมี
มวลหยาบๆมวลใหญ่ที่ทำให้หนั
เป็นภาระของโลกที่ต้องแบกน้
มนุษย์จึงไม่ต่างจาก "ขยะ" ที่ปลิวว่อนไปมา
โดยแทบจะหาคุณค่าสำหรับโลกม
4.สนามพลังงานในระบบโลก
โดยเฉพาะในชั้นบรรยากาศไม่เ
เกิดการเสียสมดุลอย่างรุนแร
ทั้งนี้เป็นเพราะเหตุว่า
อีเล็คตรอนอิสระที่มีค่าเป็
อันเกิดจากพลังจิตด้านลบของ
ที่ผลิตสร้างกันขึ้นมาในทุก
มีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งจิตติดกิเลสตัณหาราคะมา
ปริมาณประจุลบที่เหวี่ยงออก
ในชั้นบรรยากาศเหนือถิ่นพำน
ก็จะเพิ่มปริมาณความหนาแน่น
จนท่านทั้งหลายสามารถสังเกต
วันใดที่พี่ๆน้องๆตรงใต้ท้อ
สั่นสะเทือนจิตใจด้วยกิเลสต
เมฆบนฟ้าตรงพิกัดนั้นก็จักเ
ดำหรือดำคล้ำและหนาทึบมากตา
จนกลายเป็นเมฆฝนห่าใหญ่
และเกิดฟ้าคะนองฟ้าร้องฟ้าผ
เมื่อตกลงมาก็จะมีพายุลูกเห
พรั่งพรูลงมาอย่างน่ากลัวอี
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านท
ถ้าท่านเป็นมนุษย์คนหนึ่ง
ซึ่งเป็นไปตามบริบทในแบบที่
ขอท่านจงลดละเลิกพฤติกรรมเห
หันมาทำคุณอันประเสริฐแก่โล
เพื่อลดภาระของโลกและช่วยโล
ด้วยการรักกันให้ได้ ให้กันให้เป็น
แล้วละวางกิเลสตัณหาราคะกัน
ให้คิดทำทุกสิ่งเพื่อจิตวิญ
แทนการทำทุกสิ่งเพื่อสนองกิ
จนตนเองกลายเป็นขยะรกโลกไปโ
ซึ่งรอวันให้ช่างเท็คนิกมาเ
ให้ออกไปจากระบบโลกอยู่ต่อไ
ลูกแก้วสองดวงนั่นไง
รับจากพระหัตถ์พระบิดาผ่านม
ใยจึงถือครองเฉยเสมือนหลับอ
จงตื่นตัวอยู่ในมหาสติ
จงเบิกบานอยู่ในปณิธานแห่งน
ภัยพิบัติทั้งหลายในปฏิบัติ
กำลังเยี่ยมกรายเข้ามาใกล้เ
จะทำอะไรจงเร่งรีบทำเสียเถอ
การมีวิถีแห่งจิตจักรวาลนั้
ที่พระบิดาทรงโปรดปรานท่าน
แต่การจะใช้บุญวาสนาที่มีอย
มันเป็นเรื่องของส่วนบุคคลแ
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
21-08-2017
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"
จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น