วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2557




เราขอกล่าวความจริง
ต่อนักเรียนทั้งหลายว่า "นรก" มีจริง

พระองค์ทรงกำหนดสร้างนรกขึ้นไว้
สำหรับเป็นสถานบำบัดจิตวิญญาณของมนุษย์
ที่หลงมิติจนไม่สามารถปฏิบัติภารกิจ
ตามพันธะสัญญา 6 ประการได้อย่างเต็มกำลัง
ในภพชาติแห่งการเป็นมนุษย์นั้น

ดังนั้น.....ถ้าท่านใดเหลวใหล
เมื่อจบสิ้นอายุขัยในภพชาตินั้นๆแล้ว
แก่นแท้ของคนๆนั้นก็จะถูกจัดการให้ "หลุดลง"
เพื่อส่งไปบำบัดอาการหลงมิติให้คืนสมดุลดุจเดิม
ก่อนที่จะได้รับโอกาสให้
กลับคืนสู่การเกิดใหม่อีกครั้ง
จะในภพภูมิสัตว์หรือมนุษย์ก็ว่ากันไป
ซึ่งจะเคลื่อนไปตามพลังแห่งผลกรรมที่ตนก่อไว้

คำว่า "เหลวใหล" ในที่นี้หมายถึง

1.ทำตนเป็นอุปสรรค
ในการดำเนินชีวิตของผู้อื่นอยู่เป็นนิจ

2.ตกเป็นทาสของกิเลสตัณหา
เพราะหลงยึดติดในวัตถุมายาอย่างไร้สติ

3.ใช้อายตนะทั้ง 6 เพียงเพื่อสนองตัณหาตนเอง
และใช้ก้าวล่วงบุคคลอื่นอย่างไร้สติอยู่เป็นนิจ
โดยไม่ใช้มันเพื่อ "คนตนเองให้เป็นมนุษย์"
ตามภารกิจที่ขันอาสาพระบิดากันมา

4.เป็นคนงมงาย
โดยใช้สติปัญญาของสมองตนเองไม่ได้
จึงถูกชักจูงให้ประพฤติผิดคิดชั่วต่อผู้อื่นอยู่เนืองๆ
ชอบนับถือภูติผีปีศาจ นิยมในวัตถุอวิชชา
ลดพลังอำนาจในตนเองลงมาต่ำ
ให้ภูติผีเป็นผู้ชี้นำชะตาชีวิต

5.ทำตนเป็นคนไม่มีศาสนา
ปฏิเสธพระธรรมคำสอนของพระศาสดา
ไม่เชื่อว่ากฎแห่งกรรมมีจริง
ไม่เชื่อว่าภพภูมิและภพชาตินั้นมีจริง


ไม่เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นมีจริง
ไม่เชื่อเรื่องนิพพานว่า คือการหลุดพ้น

ก้าวล่วงพระบิดาแห่งจิตวิญญาณตนเอง
อย่างไร้มหาสติและเป็นบุตรอกตัญญู
ทั้งไม่ใส่ใจที่จะรับฟังพระโอวาท
และยังเป็นผู้ปรมาสตัวแทนแห่งพระองค์
เพราะไร้มหาสติ เป็นต้น

ปกตินั้นกรรมในข้อ 5 นี้ เป็นกรรมหนัก
ต้องหลุดลงไปลึกๆ
จนมิอาจกำหนดวันเวลาย้อนคืนล่วงหน้าได้

แต่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนยุคนี้
ดวงจิตวิญญาณผู้ผิดบาปซี่งพเนจรร่อนเร่พวกนี้
จักต้อง "แตกสลาย" อย่างทุกข์ทรมานสถานเดียว!
เพื่อจัดองค์กรโลกใหม่ให้สมดุล
เพื่อชำระโลกทั้งระบบในทุกมิติ
ให้สะอาดพิสุทธิ์ดุจเดิม

เอเมน....สาธุ......

ป.วิสุทธิปัญญา
29-12-2014

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

"ถ้ายุคใดที่จิตสำนึกของมนุษย์ตกต่ำ ยุคนั้นมนุษย์ต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติเสมอ"



จิตสำนึกตกต่ำ หมาย ถึง มนุษย์นั้นไม่สามารถเข้าถึงการใช้ปัญญาญาณของสมองได้ ดีแต่ใช้อารมณ์รู้สึกกับการนึกของจิตขับเคลื่อนพฤติกรรม และดีแต่ท่องจำข้อธรรมะเท่านั้น แต่ไม่สามารถนำมาใช้ปฏิบัติในชีวิตจริงได้เลย ตัวอย่างเช่น การคิดลบต่อผู้อื่น กล่าวร้ายต่อผู้อื่น หรือการใช้วาจาเหยียดหยามถากถาง จาบจ้วงผู้อื่น เป็นต้น